หนุ่มจิตรกรรมฯ ศิลปากร คว้ารางวัลดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยมคนใหม่ ในโครงการศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101

ข่าวทั่วไป Monday November 22, 2010 14:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--Public Hit หนุ่มจิตรกรรมศิลปากร คว้ารางวัลดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยมคนใหม่ ในโครงการศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101 เวทีเรียลลิตี้วาดภาพสด ปี3 สื่อแนวคิด “มุมมองในมุมเมือง” สู่การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยม ปิดฉากไปหมาดๆ กับโครงการ “ศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101” ปีที่ 3 ซึ่งจัดโดย มูลนิธิ ธนาคารกรุงเทพ และ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นการลงสนามประลองฝีมือด้านศิลปะของ46 ตัวแทนนิสิต นักศึกษาสาขาศิลปะจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ โดยทุกคนต้องมาใช้ชีวิตอยู่รวมกัน และสร้างสรรค์การวาดภาพสดๆ ในรูปแบบเรียลลิตี้โชว์ ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นเวลา 10 วัน และได้ทำการประกาศผลตัดสินไปแล้วเมื่อวันก่อน ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมี โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกรรมการมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ มาเป็นประธานในพิธี พร้อมมอบรางวัล รวมทั้งเกียรติบัตร ให้แก่นักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช กรรมการมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ และประธานโครงการฯ กล่าวถึงโครงการแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวงว่า เป็นเหมือนกับพื้นที่สำหรับศิลปินหรือเยาวชนรุ่นใหม่เพื่อแสดงออกถึงความสามารถ และใช้ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตผงานศิลปะโดยไม่จำกัดขอบเขต มูลนิธิธนาคารกรุงเทพ ให้การส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถในรูปแบบต่างๆ ซึ่งโครงการแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ว่าที่ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ ตกผลึกความคิดเชิงศิลป์จนถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานศิลปะได้อย่างเต็มที่ “การจัดแข่งขันศิลปะแนวทางใหม่นี้ขึ้นมา เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและพัฒนาทักษะศิลปินรุ่นหนุ่มสาวอย่างเป็นรูปธรรม ให้ศิลปินมีโอกาสแสดงความคิดสร้างสรรค์ ฝีมือ ทักษะ จินตนาการ อย่างเต็มที่ และได้รู้จักเพื่อนต่างสถาบัน เก็บเกี่ยวความรู้ใหม่ๆ จากประสบการณ์จริง ทางโครงการยังได้เชิญวิทยากรทั้งจากศิลปิน และผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนศิลปินแห่งชาติ มาร่วมบรรยาย ให้น้องๆ ได้ฟัง อาทิ รศ.อิทธิพล ตั้งโฉลก, พระสันติพงศ์ เขมปัญฺโญ, ศ.เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ, ศ.กำจร สุนพงษ์ศรี, ศ.วิโชค มุกดามณี, อ.ปัญญา วิจินธนสาร, ผศ.ถาวร โกอุดมวิทย์, ชัยประนิน วิสุทธิผล ฯลฯ “เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีการเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง จึงได้ถ่ายทอดสดผ่านทางเวบไซท์ kapook.com และให้คนทั่วไปได้ร่วมสนุกโดยการโหวตให้ผู้แข่งขัน โดยมีการจับรางวัลให้ผู้ร่วมโหวต เป็นภาพเขียนจากศิลปิน ดารารับเชิญ ที่มาร่วมในงานแถลงข่าวโครงการ อาทิ อ.เฉลิมชัย, ศ.ปรีชา, พลอย จริยะเวช, อาทินันท์ พีชานนท์, มนตร์ลดา พงษ์พานิช, ดาว-อภิสรา พิธีกรรายการแจ๋ว” คุณหญิงชดช้อย เผย อ.จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า เมื่อได้เห็นผลงานทั้งหลายที่ผู้เข้าร่วมโครงการสร้างขึ้นนั้น น่ายินดีว่าบ้านเมืองของเราไม่ได้แล้งผู้ที่จะสร้างสรรค์ศิลปะสำหรับบ้านสำหรับเมือง เมล็ดพันธุ์ต้นกล้าได้เกิดขึ้นอีกแล้วบนแปลงนาของมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ อย่างน้อยก็ 3 ฤดูกาลแล้ว ซึ่งเราไม่ได้มีเมล็ดพันธุ์เพียงแค่นี้ แต่เยาวศิลปินตั้งแต่รุ่นที่ 1-3 จะไปปักกล้าที่ในสถาบันการศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ ให้ได้เห็นแนวทางของเยาวศิลปินที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกัน จะได้มีแรงบันดาลใจใกล้ที่จะเป็นต้นกล้าที่จะเพาะปลูกให้สยามประเทศนั้นอร่ามไปด้วยงานศิลปะ ไม่แพ้ประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญในด้านศิลปะเลย สำหรับผลการตัดสิน ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 รางวัลสำคัญด้วยกัน ปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลมีดังนี้ รางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ยอดเยี่ยม ได้รับทุนการศึกษา 100,000 บาท ได้แก่ เสริฐ- ประเสริฐ ยอดแก้ว นักศึกษาชั้นปี 5 คณะจิตรกรรม ประติมากรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงาน “มุมมองใน มุมเมือง” ใช้เทคนิคสีอคริลิคบนปูนซีเมนต์ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ถึงเหล็กและปูนจะออกลูกเต็มเมือง ความเชื่อก็จะยังคงอยู่ จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นได้ แม้จะอยู่ในซอกหลืบเหล็กปูนก็ตาม” “ดีใจมากครับ ถึงแม้เราไม่คาดหวังว่าจะต้องได้รางวัล แต่ก็หวังไว้ว่าที่ต้องได้แน่ๆ คือ เพื่อน และได้ทำในสิ่งที่อยากทำและแสดงออก ส่วนรางวัลเป็นแค่ส่วนประกอบ เป็นกำลังใจให้เราทำงานมากกว่า รู้สึกภูมิใจด้วยเพราะเราตั้งใจทำงานแล้วเขาก็เห็นผลงานของเราและชอบในสิ่งที่เราคิด ก็ดีใจที่มีคนชอบผลงานเรา เทคนิคการทำงานชิ้นนี้ ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก ศิลปะไทยในวัดที่เขาเขียนบนปูน เราแค่หยิบยกปูนนั้นมาอยู่บนเฟรม แล้วใช้สีอคริลิกมาทาบนปูน เป็นการประยุกต์ใช้ให้ร่วมสมัยมากขึ้น ผมเรียนปี 5 ก็ยอมรับว่ามีแนวคิดส่วนตัวในระดับหนึ่งอยู่แล้ว นี่ก็ต่อยอดมาจากปี 4 คือ ผมทำงานเกี่ยวกับความเชื่อในศาสนา ขณะเดียวกันผมเป็นคนรุ่นใหม่ก็เห็นในสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงจากของเก่าเดิมๆ ก็เลยเอามาเปรียบเทียบระหว่างศาสนากับความจริงที่เราเป็นอยู่ ผมรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสงสัยว่าทำไมความเชื่อในพุทธศาสนาหรือความเชื่ออะไรก็ตามที่มีมา 2,000 กว่าปีมันยังคงอยู่ ทำไมถึงปรับตัวอยู่ด้วยกันได้ ก็เลยหยิบยกแนวคิดนี้ขึ้นมาใช้ “ผมว่าเวลาเราทำงานศิลปะ จะทำอะไรก็ได้ในแบบของตัวเอง แต่ต้องแสดงออกให้ชัดเจนในความเป็นตัวตน ต้องรู้ว่าทำอะไรคิดยังไง และสื่อสารออกมาออกมาให้ชัดเจน จะประสบความสำเร็จในการงานและหน้าที่ ผมคิดถึงคำคมของฝรั่งที่เขาว่าไว้คือ การจะประสบความสำเร็จ มี 2 ส่วน อย่างแรกคือ โอกาส สองคือความพยามยาม ตอนนี้ผมคิดว่าได้รับโอกาสในส่วนหนึ่งแล้ว จากนั้นผมจะพยายามเพื่อไปสู่ความสำเร็จให้ได้ ผมตั้งเป้าในอนาคตไว้ว่าอยากไปเรียนต่างประเทศเกี่ยวกับศิลปะเพิ่มเติม หามุมมองที่แตกต่างจากที่เราศึกษามา ศิลปะไม่ใช่การวาดรูปที่ฉาบฉวย ไม่ใช่การแสดงออกของอารมณ์ที่พอรู้สึกอะไรก็วาดออกมา มันต้องมีข้อมูลว่าเป็นมาอย่างไร มีพื้นฐานอย่างไร ต้องอ่านหนังสือ และผมไม่ค่อยอ่านหนังสือจึงขาดแคลนเรื่องนี้ บางทีอาจารย์ถามอะไรมาเราก็ตอบไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนตัวเองและขวนขวายในเรื่องนี้มากขึ้นครับ” ดาวเด่นบัวหลวง ยอดเยี่ยมคนใหม่ กล่าว รางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ความคิดสร้างสรรค์ ได้รับทุนการศึกษา 70,000 บาท ได้แก่ ไอซ์- พัชรวรรณ มาลัย นักศึกษาชั้นปี 3 สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เจ้าของผลงาน “การกระทำลิขิตกรรม” กับแนวคิดที่น่าสนใจคือ กฏแห่งกรรมของคนที่ในชาตินี้ได้ทำธุรกิจฆ่าสัตว์เพื่อนำหนังมาทำอุตสาหกรรมแปรรูป เช่น กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าต่างๆ จึงสื่อให้เห็นผลกรรมในชาติภพต่อไป คนเหล่านั้นต้องชดใช้กรรมโดยเกิดมาเป็นคนแต่มีหน้าเป็นสัตว์ที่ตนได้ฆ่าไปนั่นเอง น้องไอซ์ เป็นผู้ที่มีความพิการทางหู พูดไม่ได้ แต่อ่านปากได้ จึงต้องพูดคุยผ่านล่ามประจำมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ และมาดูแลตลอดเวลาที่ ไอซ์ อยู่ในโครงการนี้ “ตอนที่รู้ว่าได้รับคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยให้เข้าร่วมโครงการนี้ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย อยากมาสนุกๆ กับเพื่อนมากกว่า พอได้รางวัลก็รู้สึกตกใจและดีใจ ภูมิใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าประกวดและได้รางวัล คงเป็นเพราะมีแนวคิดของผลงานที่ไม่เหมือนใคร ชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็พยายามทำมาเรื่อยๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับจากเวทีนี้ คือ ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น ได้ความรู้ดีๆ มีคนดูแลดีมาก ไม่มีปัญหาในการทำงานเลย เวลาที่จำกัดก็ไม่ทำให้เกิดความกดดันในการทำงานเพราะได้วางแผนล่วงหน้ามาแล้วตั้งแต่ก่อนมา อนาคตก็อยากทำงานเกี่ยวกับการวาดรูป เพราะรู้สึกสนุกกับงานที่ได้ทำ สำหรับใครที่สนใจอยากเรียนศิลปะก็ขอให้มีความพยายามต่อไปเรื่อยๆ อาจจะมีโอกาสที่ดีเหมือนไอซ์ก็ได้” รางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ขวัญใจประชาชน ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท ได้แก่ จุ๋ย-เบญจพล โอสถานุเคราะห์ นักศึกษาชั้นปี 5 คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของผลงาน “รู้จักฐานะ และเจียมตัว” (อย่าลืมกำพืด) เทคนิคสื่อผสม กับแนวคิด “คนทุกคนเกิดมาล้วนแล้วแต่มีกิเลส ยิ่งสภาวะแวดล้อมทางสังคมไทย ในปัจจุบันส่งเสริมให้คนไทยมีความต้องการในชีวิตมากขึ้น ทำให้ลืมความจำเป็นและฐานะที่แท้จริงของตัวเอง “ผมมองว่า คนในสมัยปัจจุบัน มีกิเลสติดตัวกันทุกคน ความต้องการ สิ่งทุกอย่างและสภาะสังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาความเจริญ ยิ่งความเจริญทางวัตถุก็ยิ่งเข้ามา ทำให้คนในปัจจุบันหรือวัยรุ่นเมื่อได้มีสิ่งปลุกเร้าทำให้หันเหไปอีกทางหนึ่ง ก็เลยหยิบจับประเด็นวัตถุนิยมมาทำงาน เทคนิคที่ใช้ในการสร้างผลงานก็มีหลายอย่างทั้งสีน้ำมัน สีอะคริลิค ปากกาเคมี และก็วานิชเป็น Background ข้างล่าง และใช้หน้าตัวเองเป็นรูปหน้า ซึ่งผมก็เป็นวัยรุ่นที่อยู่ในสังคมปัจจุบัน ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็เลยหยิบตัวเองมาเล่าเรื่อง และที่ขาเป็นกิ้งก่าคือมีการปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ปัญหาในการทำงานก็มีบ้าง คือเวลาอยู่กับเพื่อนจะเล่นเยอะไปหน่อย แต่ชอบวาดรูปกับเพื่อนๆ เพราะอยู่คนเดียวจะวาดไม่ได้ ส่วนประสบการณ์ที่ได้รับ สิ่งแรกคือได้เพื่อน เพื่อนทุกคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก คุยกันได้ทุกคน พี่ๆทีมงานทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็น่ารักคอยดูแลดีมาก เวทีนี้ถือได้ว่าช่วยจุดประกายทางความคิดได้เยอะ เพราะผมคิดว่างานส่วนตัวที่ผมทำนี้คือสไตล์หรือแนวของผมเลย” เจ้าของรางวัลขวัญใจประชาชน กล่าว ศ.ปรีชา เถาทอง หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวถึงผลงานที่ได้รับรางวัลดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยมว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของความเป็นเอกภาพของความคิด เป้าหมาย และรูปแบบ เทคนิค วิธีการ ฝีมือ เมื่อสรุปออกมาเป็นภาพแล้วมีเนื้อหาสาระที่ลงตัว “เขามองภาพรวมของสังคมถึงเรื่องวัดวาอาราม วัฒนธรรมที่อยู่ในโลกสมัยใหม่ เขาไม่ได้ทำเป็นตึกรามบ้านช่อง แต่วาดเป็นรูปหิน ศิลา คอนกรีตขึ้นมา ส่วนวัดก็มีขนาดเล็กลง ๆ ทำออกมาเป็นเรื่องเหนือจริงแบบมุมมองของคนไทย ถือว่ามีฝีมือที่เยี่ยมยอดในการนำเสนอทุกอย่าง เพราะลงตัวมาก ส่วนรางวัลสร้างสรรค์ ผลงาน การกระทำลิขิตกรรม ในมุมมองของผมคือ น้องเขาเป็นศิลปินหน้าใหม่ และเป็นคนพิการทางหู เป็นใบ้ แต่เขามีความรู้สึกที่รุนแรงและสะท้อนความในใจออกมาด้วยรูปทรงที่ตรงไปตรงมา ซื่อ เรียบง่าย แต่แรง คือมีมุมมองในเรื่องของสังคมเหมือนกัน แล้วเปรียบเทียบคนในสังคมโดยตัวเป็นมนุษย์แต่มีศีรษะเป็นสิงสาราสัตว์ต่างๆ มีความคมเข้ม ชัดเจนเรื่องการลงสี ซึ่งถือเป็นความจริงใจของเขา ซึ่งทั้ง 2 ผลงานนี้ตีคู่กันมา เฉือนกันไปเฉือนกันมา ตัดสินกันหลายรอบ แต่ด้วยความที่คนที่ได้รางวัลยอดเยี่ยม มีประสบการณ์ วุฒิภาวะ เหนือกว่า จึงได้รางวัลไป “ภาพรวมการนำเสนอผลงานของเด็กปีนี้ ผมว่าดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา แปลกใหม่ขึ้น มีวิธีการสร้างสรรค์สูง แต่กิจกรรมนันทนาการอาจจะเบาไปหน่อยเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ก้าวต่อไปของเด็กๆ พวกนี้คือ ต้องไปค้นคว้าพัฒนา วิเคราะห์สังเคราะห์ในฐานข้อมูลต่างๆ ที่จะนำมาสร้างผลงานต่อไป ถ้าได้ไอเดียจากเวทีนี้แล้วไม่ไปศึกษาหาความรู้ต่อ เขาก็จะวนและย่ำอยู่กับที่ครับ” ศิลปินรุ่นใหญ่ กล่าวถึงผลงานที่ได้รางวัล พร้อมให้ข้อคิดดีๆ แก่ศิลปินรุ่นใหม่ ติดตามชมผลงานชิ้นเอกของ ศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ยอดเยี่ยมคนล่าสุด และทุกผลงานของผู้ที่ร่วมโครงการแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101 ครั้งที่ 3 ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ณ หอศิลป์สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699 Public Hit

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ