กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--โอเอซิส มีเดีย
โรเบิร์ต บ๊อชประเทศไทยแจงผลประกอบการปีที่แล้วโต 72 % มูลค่ารวมกว่า 4,800 ล้านบาท ประกาศปีนี้ขอรุกตลาดทุกส่วนงาน-เน้นคุณภาพและนวัตกรรม ใหม่
บ๊อช ประกาศนโยบายเชิงรุกปี 50 เดินหน้าเน้นคุณภาพ และนวัตกรรมใหม่ทุกส่วนงาน เพื่อครองความเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยียานยนต์ ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย เครื่องมือไฟฟ้า และเครื่องเสียงรถยนต์ ตั้งเป้าเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 2 หลัก หลังประสบความสำเร็จจากปี 2549 ที่ทำยอดโตกว่า 72% มูลค่ารวมกว่า 4,800 ล้านบาท
นายเปาโล เฟอร์ไรรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายปี 2550 ของบริษัท ว่าเน้นดำเนินงานเชิงรุกในทุกสายงาน โดยยังคงเน้นนวัตกรรมความเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยีในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยียานยนต์ ทั้งในส่วนของสายการผลิต และ ในส่วนของการขายและบริการ, ด้านเครื่องมือไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงเครื่องเสียงรถยนต์บลาวฟุ้งค์ พร้อมวางเป้ายอดขายเติบโตไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลัก
สำหรับผลประกอบการรวมเบื้องต้น สำหรับกลุ่มบริษัท บ๊อช ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ปี 2549 ที่ผ่านมายอดขายรวมเป็นไปตามเป้าหมาย คือ 43.7 พันล้านยูโร (กว่า 2,100 พันล้านบาท) เติบโตขึ้น 5 % โดยสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภค และเทคโนโลยีทางการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามเอเชียแปซิฟิคยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญและมีการเติบโตสูงมาก โดยมียอดเติบโตสูงถึง 13 % และตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนี้ ให้เป็น 25 % ในปี พ.ศ. 2558
ในส่วนของบ๊อชในประเทศไทยมีผลประกอบการรวมอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 72% ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูงของบ๊อช โดยประมาณ 40% ของผลประกอบการเป็นยอดขายที่มาจาก บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด ซึ่งรับผิดชอบด้านการขายและจัดจำหน่าย อะไหล่รถยนต์ เครื่องมือไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย และ เครื่องเสียงรถยนต์บลาวฟุ้งค์ และอีกประมาณ 60% มาจาก บริษัท บ๊อช ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับผิดชอบด้านการผลิตและประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ในระบบเบรกและระบบดีเซลคอมมอนเรล สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศเกือบทุกข่าย รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในเขตอาเซี่ยนอีกด้วย
“การเติบโตอย่างสูงของบ๊อชในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว มาจากการที่บริษัทฯ มีการขยายงานและการผลิตในระบบเบรกและระบบดีเซลคอมมอนเรล สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวย่างหนึ่งที่สำคัญของบริษัท นอกจากนี้ ในส่วนของภาคธุรกิจด้านการขายและการบริการนั้น ธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยก็ประสบความสำเร็จและมีการเติบโตเป็นอย่างสูงในปีที่แล้วเช่นกัน ซึ่งเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งผลิตภัณฑ์ของระบบรักษาความปลอดภัยบ๊อชในหน่วยงานสำคัญ ๆ หลายแห่ง อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ “ นายเปาโล กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของประเทศไทย บ๊อชยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ตัวเลข 2 หลัก โดยจะใช้กลยุทธ์ทางด้าน ‘QIK’ ซึ่งหมายถึง คุณภาพ นวัตกรรม และ ความใส่ใจต่อลูกค้าของบ๊อช มาปรับใช้กับทุกกระบวนการและทุกกิจกรรม เพื่อคงความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรม และสรรสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ดังสโลแกนของบริษัท ‘ เทคโนโลยีเพื่อชีวิต‘
ระบบรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน - ซอฟท์แวร์อัจฉริยะ
ทางด้านนายมานพ หอมสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัดเปิดเผยว่า ในปี 2549ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย มีอัตราการเติบโตดีมาก โดยเฉพาะโทรทัศน์วงจรปิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตของยอดขายมากที่สุด ปัจจัยสำคัญมาจากการตื่นตัวในเรื่องการปรับปรุงและเสริมสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูง เนื่องจากผู้บริโภคเล็งเห็นความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์คุณภาพกับผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่บ่อยครั้ง ไม่สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ หรือไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนจนสามารถนำไปดำเนินคดีได้ ทำให้การลงทุนเกือบจะสูญเปล่า ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้ทำการติดตั้งผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยของบ๊อช ในหลายๆ หน่วยงานที่สำคัญ อาทิ โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ / อาคารสินค้าปลอดภาษี , การรถไฟแห่งประเทศไทย , รวมถึงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดรอบเกาะภูเก็ต และ สำนักงานแห่งใหม่ของการบินไทย ซึ่งถือเป็นสำนักงานที่มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดระบบ IP ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียแปซิฟิค
สำหรับแผนการตลาด และเป้าหมายการเติบโตในปี 2550 วางเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าของตลาด ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 % ซึ่งคาดว่าน่าจะประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม บ๊อชยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอการใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อช่วยบรรเทาหรือป้องกันปัญหาความรุนแรง ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยให้สังคมเกิดความสงบมากยิ่งขึ้น โดยเน้นให้ผู้บริโภคเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีทันสมัย ที่เหมาะกับทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะมุ่งเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญและ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ในแต่ละตลาด
นายมานพ กล่าวเพิ่มเติมถึง ทิศทาง และศักยภาพของตลาดไทยในปี 2550 ในภาพรวมของธุรกิจสื่อสาร และระบบรักษาความปลอดภัย มีปัจจัยผลักดันการเติบโต จาก 2 ด้าน คือการบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบอาคาร และสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ บ๊อชมุ่งเน้นการนำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ในขณะเดียวกันจะช่วยเสริมจุดอ่อนของการต้องพึ่งพาการทำงานของผู้ปฏิบัติแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยบ๊อชจะทำการเปิดตัวโปรแกรมซอฟท์แวร์อัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ จากภาพโดยทางเทคนิคที่เรียกว่า Video Content Analysis (VCA) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเช่นการจับวัตถุต้องสงสัย พฤติกรรมที่น่าสงสัย หรือข้อมูลทางสถิติอื่นๆ เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพ - กลยุทธ์หลักฝ่ายอะไหล่รถยนต์
นายยิ่งยวด หวังประโยชน์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2549 ที่ผ่านมาสถานการณ์โดยรวมของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจัดว่าไม่ดีมากนัก เนื่องจากปัจจัยทางด้านภาวะเศรษฐกิจ, การเมือง และราคาน้ำมัน ทำให้ตลาดเติบโตในอัตราที่ต่ำลง อย่างไรก็ตามในส่วนของอะไหล่รถยนต์บ๊อช ยังคงมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูงกว่าตลาด เนื่องจากมีการแนะนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีกิจกรรมทางการตลาดอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ทำให้ผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของบ๊อชเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
สำหรับนโยบายและเป้าหมายการเติบโตในปี 2550 ยังคงตั้งไว้ที่ตัวเลข 2 หลัก โดยบ๊อชจะเน้นหนักทางด้านการแนะนำสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงการขยายช่องทางตลาดไปยังร้านจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ญี่ปุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ศูนย์บริการของบ๊อชก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการขยายตลาดเครื่องมือตรวจวิเคราะห์สภาพรถยนต์ของบ๊อช โดยปีนี้จะให้ความสำคัญในเรื่องของการปรับปรุงและให้คำแนะนำแก่ศูนย์บริการบ๊อช เพื่อให้คุณภาพและการบริการที่ดี มีมาตรฐานสูงขึ้น รวมถึงแนะนำให้ผู้ใช้รถรู้จักศูนย์บริการของบ๊อชทั้งศูนย์บริการบ๊อชคาร์เซอร์วิส , บ๊อชดีเซลเซอร์วิส และบ๊อชดีเซลเซ็นเตอร์ ให้มากยิ่งขึ้น
“เราจะยังคงก้าวต่อไปและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอะไหล่รถยนต์ของบ๊อชอย่างต่อเนื่อง เรามีพร้อมทั้งสินค้าที่มีคุณภาพ การบริการที่ได้มาตรฐาน ข้อมูลเทคโนโลยีและการฝึกอบรมที่ทันสมัย รวมถึงการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง อย่างศูนย์บริการรถยนต์บ๊อช ศูนย์บ๊อชดีเซลเซ็นเตอร์ และ ศูนย์บ๊อชดีเซลเซอร์วิส นอกจากนี้ ช่องทางทางธุรกิจใหม่ ๆ ในส่วนของอะไหล่รถยนต์ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและมีโอกาสสร้างความเติบโตให้กับเราได้เช่นกัน “ นายยิ่งยวดกล่าว
นวัตกรรมใหม่จากเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายชัยพร รัตนเชตกุล ผู้จัดการการตลาด ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า เปิดเผยว่า ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า
บ๊อช สามารถทำอัตราการเติบโตได้สูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยของตลาดโดยทั่วไป ทั้งนี้ เนื่องมาจากการจัดรายการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ โปรแกรม 7 Wonders และโปรแกรม Rotary Hammer รวมถึงการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ สำหรับเครื่องมือไร้สาย ด้วยแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออน นอกจากนี้ ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้ายังได้ร่วมออกงาน ‘ถนนงานไม้’ และ งาน ‘Thai Metalex 2006’ ที่จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมถึงการร่วมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแห่งชาติ ในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมการเลือกใช้เครื่องมือไฟฟ้าและการบำรุงรักษาที่ถูกต้องให้กับช่างฝีมือทั่วไป
สำหรับในส่วนแผนการตลาดและเป้าหมายของปี 2550 ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชยังคง ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ตัวเลขสองหลัก และ จะเน้นหนักกิจกรรมไปที่การออกผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็จะเน้นการลงทุนกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โดยเน้นกิจกรรมหน้าร้านในพื้นที่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับผู้บริโภคเพื่อกระตุ้นยอดขายและเพิ่มการรับรู้ในผลิตภัณฑ์เครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชอย่างต่อเนื่อง
“และเพื่อเป็นการนำเสนออีกหนึ่งทางเลือก ให้กับกลุ่มผู้ใช้เครื่องมือไฟฟ้าในตลาดระดับกลาง ถึง ระดับล่าง รวมถึงช่างฝีมือที่ไม่เคยทดลองใช้ หรือ อาจจะกำลังเริ่มมองหาเครื่องมือไฟฟ้าคุณภาพในระดับราคาที่เหมาะสม บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวเครื่องมือไฟฟ้า ยี่ห้อ ‘สกิล’ ซึ่งเป็นเครื่องมือไฟฟ้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้คิดค้นเลื่อยวงเดือนรายแรกของโลกเมื่อกว่า 83 ปีที่แล้ว ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้เต็มที่ในเรื่องของคุณภาพสินค้า โดยในเบื้องต้น บริษัทฯจะมีการแนะนำสินค้าทั้งหมด 6 กลุ่มสินค้าภายใต้ แบรนด์ ‘สกิล’ ได้แก่ หมวด เลื่อยวงเดือน , เลื่อยฉลุ , สว่านกระแทก, สว่านไร้สาย, เครื่องเจียร และ เครื่องเป่าลมร้อน “ นายชัยพร กล่าวเพิ่มเติม
“บลาวฟุ้งค์” กลยุทธ์พรีเมี่ยมแบรนด์
นายสุนิล โธมัส ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเครื่องเสียงรถยนต์บลาวฟุ้งค์ เปิดเผยว่า เครื่องเสียงบลาวฟุ้งค์จะจับกลุ่มตลาดพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มียอดการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยความสำเร็จมาจากการเปิดตัววิทยุไฮเอนด์ รุ่น Bremen MP74 ซึ่งเป็น เครื่องเล่น MP3 ที่นิตยสาร Auto HiFi จัดให้เป็นเครื่องเล่น MP 3 ที่ดีที่สุด และยังได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน IASCA ในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย
สำหรับแผนการตลาด และเป้าหมายการเติบโตในปี 2550 คาดว่าตลาดเครื่องเสียงพรีเมี่ยมมีอัตราการเติมโตที่สม่ำเสมอ ส่วนการทำตลาดจะมีการแนะนำสินค้านวัตกรรมใหม่ เช่น วิทยุรุ่น Bremen MP 76 , แอมพลิไฟเออร์ รุ่น TH PnP , ซัปวูฟเฟอร์แบบพกพา รุ่น V2Go และอีกหลายรุ่นสู่ตลาด
แนวโน้มความนิยมของผู้บริโภคจะเพิ่มความนิยมในกลุ่มสินค้าที่สามารถต่อพ่วงกับระบบมัลติมีเดียมากขึ้น ดังนั้น ร้านค้าต้องปรับตัวให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์และสินค้าของบลาวฟุ้งค์สามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ จะทำการขยายเครือข่ายบลาวฟุ้งค์ผ่านทางตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสูง หรือ ที่เรียกว่า “บลาวฟุ้งค์ สเปเชี่ยวลิส ช๊อป” ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งการให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “ 7 วันทำการ ซ่อมหรือเปลี่ยน” นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมกระตุ้นยอดขายผ่านทาง MTV ในรายการ MTV Pimp my Ride อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4658-9,0-2937-4735
คุณธนะพน เขียวหวาน / คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม / คุณปิยะพร จำเนียร
Email : tanapon@oasismedia.co.th , saranyarat@oasismedia.co.th , piyaporn@oasismedia.co.th
ข้อมูลองค์กรเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด โทร. 02 631 1879 ต่อ 160
คุณยุพารัตน์ เหล่าธนภัทร ผู้จัดการสื่อสารองค์กร
E-mail : Yuparat.Laotanapat@th.bosch.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net