ผลกระทบจากพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวต่อตลาดอสังหาฯ ของไทย

ข่าวทั่วไป Monday January 15, 2007 16:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--ซีบี ริชาร์ด
จากการที่รัฐบาลไทยมีมติเห็นชอบในหลักการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งจำกัดสิทธิ์ของคนต่างด้าวในการเป็นเจ้าของหรือประกอบธุรกิจบางประเภทในประเทศไทยนั้น ซีบี ริชาร์ด เอลลิสจึงได้ติดตามสถานการณ์ในตลาดที่พักอาศัย ตลาดรีสอร์ต และตลาดอาคารสำนักงานอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะประเมินปฎิกิริยาของตลาดจากข่าวการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ซีบี ริชาร์ด เอลลิสยังได้พิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจากการปรับปรุงและแก้ไขมาตรการต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาด้านกฏหมายรายใหญ่หลายรายด้วยกัน รวมทั้งพิจารณาถึงผลกระทบด้านจิตวิทยา และความเข้าใจเรื่องธุรกิจของคนต่างด้าวและผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวต่างชาติ อันตรายของมาตรการเหล่านี้ คือ อาจจะถูกมองว่าเป็นการปิดกั้นการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาลต่อเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง พร้อมทั้งอาจจะถูกมองว่าไม่เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในระดับสากล
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย เปิดเผยว่า “คำแนะนำประการแรกที่เราชี้แจงต่อลูกค้าทั้งหมดของเรา ก็คือ ร่างพระราชบัญญัติยังมิได้ประกาศเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ประการที่สอง คือ การตีความในรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติมิได้มีความรุนแรงตามที่มีการพาดหัวข่าวในสื่อต่าง ๆ กิจการโดยส่วนใหญ่ที่จะถูกจัดให้เป็นธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งอยู่ในบัญชี 3 จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักและมีเวลาในการปรับโครงสร้างในกรณีที่จำเป็น ดังนั้น ผู้เช่าพื้นที่สำนักงานโดยส่วนใหญ่จึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบ ถึงแม้ว่าปริมาณความต้องการจากผู้เช่ารายใหม่อาจจะลดลงไปบ้าง”
สำหรับปริมาณความต้องการด้านที่พักอาศัยระดับบนจากชาวต่างชาติ ทั้งประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพ มหานคร และประเภทรีสอร์ตระดับราคา 12.5 ล้านบาทขึ้นไปยังคงมีอยู่มาก รวมทั้งตลาดบ้านพักตากอากาศในช่วงวันหยุดและสำหรับผู้ที่เกษียณอายุที่อยู่ในตลาดระดับกลางราคาตั้งแต่ 3.6 ล้านบาทขึ้นไปก็ยังคงมีความต้องการอยู่มากทั้งในพัทยา หัวหิน และภูเก็ต คงจะนับได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของเศรษฐกิจไทยหากเราสูญเสียตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในระยะยาวให้กับประเทศอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งในแถบภูมิภาคเอเชีย นางสาวอลิวัสสากล่าว
จากการที่ภาครัฐเห็นชอบในหลักการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อคุมเข้มบริษัทที่ใช้การถือหุ้นแทนหรือนอมินีในการเป็นเจ้าของที่ดินนั้น ซีบี ริชาร์ด เอลลิสจึงอยากเห็นแนวทางที่ดีที่จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม อาทิ การขยายสิทธิ์การเช่าระยะยาวเป็น 90 ปีสำหรับอสังหาริมทรัพย์ประเภทวิลล่า และการปรับเพิ่มสัดส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติในคอนโดมิเนียมจาก 49% เป็น 75% ในหลายโครงการ อาทิ ลากูน่าภูเก็ต ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก มิใช่จากความต้องการของผู้ซื้อในประเทศ ซึ่งโครงการประเภทดังกล่าวก่อในเกิดการนำเข้าเงินตราต่างประเทศรวมทั้งความเติบโตในธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจในท้องถิ่น นอกจากนั้น ยังช่วยสร้างรายได้จากการใช้บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นนั้น ๆ ตลอดอายุการใช้งานทรัพย์สินดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านหรือวิลล่าที่มีโครงสร้างแบบนอมินี ซีบี ริชาร์ด เอลลิสอยากแนะนำว่าควรที่จะติดตามมาตรการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายเพื่อที่จะปรับปรุงโครงสร้างของบริษัทให้ถูกต้องและดำเนินการให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยรัฐบาลอนุญาตให้ดำเนินการแก้ไขหรือเปลี่ยนสภานะของบริษัทให้ถูกต้องภายในระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ หากรัฐบาลตัดสินใจขยายระยะเวลาการถือครองกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาวให้กับชาวต่างชาติเป็น 90 ปี ก็จะเป็นทางเลือกที่ชัดเจนให้กับเจ้าของบ้านหรือวิลล่าในการเปลี่ยนจากการซื้อโดยจัดตั้งบริษัทที่ใช้นอมินีมาเป็นแบบการเช่าระยะยาวแทน
ชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน หรือที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพ์ในไทยไม่ควรที่จะวิตกกังวลหรือล้มเลิกความตั้งใจ แต่ควรให้ความสนใจกับโควต้าชาวต่างชาติในคอนโดมิเนียมและโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบถือครองกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาวมากกว่า ซึ่งพัฒนาโดยผู้ประกอบการที่เป็นที่รู้จักและเป็นมืออาชีพ ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบัน ซีบี ริชาร์ด เอลลิสกำลังดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในต่างประเทศให้กับโครงการที่พักอาศัย 2 โครงการด้วยกัน ซึ่งได้แก่ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายในโครงการเดอะ โคฟ กระบี่ ซึ่งจะเริ่มเปิดขายในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเปิดตัวพูลวิลล่าแบบถือกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาวภายในโครงการ แชงกรีล่า รีสอร์ต แอนด์ สปา ซึ่งตั้งอยูบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของภูเก็ต
แม้เมื่อไม่นานมานี้จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ชาวต่างชาติก็ยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยืนยันได้จากช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ที่ผ่านมา ซีบี ริชาร์ด เอลลิสยังคงมีลูกค้าทำการซื้อวิลล่าแบบถือกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาว ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐในภูเก็ต รวมทั้งสามารถปิดการขายคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพและพัทยาได้หลายยูนิตในช่วงเวลาดังกล่าว
“เราหวังว่าสถานการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ ในปัจจุบันจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและอย่างมืออาชีพ เพื่อที่จะทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติทราบว่า ทำอย่างไรจึงจะลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้อย่างปลอดภัย ซีบี ริชาร์ด เอลลิสจึงอยากจะขอให้มีการขยายระยะเวลาการถือครองกรรมสิทธิ์เช่าเป็น 90 ปี รวมทั้ง ขยายเพดานสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติในคอนโดมิเนียม เราเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะยังคงดำเนินไปด้วยดีและเติบโตขึ้น อันมีรากฐานมาจากความต้องการที่มีอยู่มากในตลาดนั่นเอง ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์และเป็นประเทศที่ชาวต่างชาตินิยมมากกว่าประเทศอื่นในแถบภูมิภาคเอเชีย” นางสาวอลิวัสสากล่าวสรุป
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ