กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--แสนสิริ
แสนสิริ เพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้ตลาดที่อยู่อาศัยปลายปี 53 ด้วยการเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ล่าสุด “B-AVENUE Watcharapol (บี อเวนิว วัชรพล) Shop House และ Home Office โครงการนำร่องสุดฮ็อตเติมเต็มCommunity ที่อยู่อาศัยครบวงจร ในราคาเพียง 3.59 ล้านบาท ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายแล้ว 40 ยูนิต หลังเปิดการขายอย่างไม่เป็นทางการ (Pre-Visit) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากยูนิตที่เปิดขายจำนวน 116 ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวโปรดักส์ใหม่ภายใต้แบรนด์ล่าสุดของกลุ่มแสนสิริ ในชื่อ “B- AVENUE Watcharapol” (บี อเวนิว วัชรพล) ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ในรูปแบบ Shop House และ Home Office สไตล์โมเดิร์น ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในลักษณะประกอบกิจการพาณิชย์ได้และเติมเต็มสังคมที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท โดยโครงการแรกได้นำร่องเปิดตัวการขายบริเวณด้านหน้าโครงการบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ เศรษฐสิริ วัชรพล ทำเลถนนสุขาภิบาล 5 (ออเงิน) ซึ่งวางแผนเปิดการขายในปี 2554 โดยหลังจากเริ่มเปิดตัวการขายอย่างไม่เป็นทางการ (Pre-Visit) ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีโดยขณะนี้มียอดขายแล้ว 40 ยูนิต จากยูนิตที่เปิดขายจำนวน 116 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท
“นอกจากการให้ความสำคัญกับลูกบ้านโดยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Beautiful Community ที่จัดร่วมกับลูกบ้านอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแล้ว แสนสิริยังเล็งเห็นถึงความเป็นสังคมที่อยู่อาศัยคุณภาพแบบครบวงจร ที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครันมาไว้ในโครงการ สำหรับแบรนด์ B-AVENUE ทั้ง 2 โปรดักส์ใหม่คือ Shop House และ Home Office นับเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีมาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในย่านชุมชน อาทิ ตลาดออเงิน, สำนักงานเขตสายไหม, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม, โรงเรียนนานาชาติไทยอเมริกัน, วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลภูมิพล เป็นต้น ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจการค้า ตัวโครงการตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางเข้า-ออกได้หลายทาง อาทิ ถนนพหลโยธิน, ถนนรามอินทราเข้าถนนวัชรพล, เพิ่มสิน หรือจากถนนวงแหวนฝั่งตะวันออกเข้าจตุโชคเพียง 4.3 กม. หรือจากทางด่วนฉลองรัช (เอกมัย-รามอินทรา) ลงสุขาภิบาล 5 เพียง 1 กม. นอกจากนี้ภายในตัวอาคารยังได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจการค้า โดยมีระดับความสูงที่ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง แบ่งเป็น 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น ที่สามารถออกแบบตามประเภทธุรกิจที่ต้องการได้อย่างลงตัว รวมทั้งถนนภายในโครงการที่มีความกว้างถึง 12 เมตรและที่จอดรถส่วนกลางเพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาติดต่อธุรกิจได้กว่า 240 คัน” นายเมธา กล่าว
โครงการ B- AVENUE Watcharapol ด้วยแนวคิดล่าสุดไม่ซ้ำใครในดีไซน์ Sharp Modern ที่ใช้เส้นสายและมุมต่างๆ สร้างมิติโดยการออกแบบ Pattern ของกลุ่มอาคารให้มีความต่อเนื่องสัมพันธ์กัน (Interlocked Mass) จึงทำให้เกิดพื้นที่ของการใช้งานมากที่สุดและลงตัวที่สุด พร้อมกับการเลือกสรรวัสดุที่ทันสมัย รวมทั้งการใช้จังหวะของช่องกระจกและการดึงสีธรรมชาติเข้ามามีส่วนร่วมในตัวอาคารทำให้เกิดลูกเล่นของดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นทันสมัย ประกอบด้วย Shop House พื้นที่ใช้สอย 178 ตารางเมตร จำนวน 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร บนที่ดินขนาด 18 - 33 ตารางวา รูปแบบ Modernist Form ที่ผสานเข้ากับการวาง Pattern ของรูปทรงสี่เหลี่ยม เพื่อให้เกิดมุมมองแบบ 3 มิติ พัฒนาสู่รูปแบบของอาคารที่ทันสมัย ภายใต้โปรดักส์คอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ ก็เป็นไปได้ตามต้องการ” โดยพื้นที่ชั้นล่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามประเภทและขนาดธุรกิจ ส่วนชั้นบนก็เปรียบเสมือน Penthouse ส่วนตัวซึ่งสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายทุกเวลา ในราคาขายเริ่มต้น 3.59 — 5 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 93 ยูนิต สำหรับ Home Office มีพื้นที่ใช้สอย 240 ตารางเมตร จำนวน 4 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร บนขนาดที่ดิน 30 — 55 ตารางวา พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผสมผสานชีวิตงานและชีวิตครอบครัวได้อย่างกลมกลืน” ด้วยพื้นที่ที่มากเพียงพอ และเปิดกว้างให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนเป็นออฟฟิศได้อย่างสบายๆ โดยพื้นที่ชั้นบนแบ่งเป็นสัดส่วน ให้ความเป็นส่วนตัวกับชีวิตครอบครัวอย่างเต็มที่ จำนวน 53 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 4.35 — 6.25 ล้านบาท
“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มแสนสิริประสบความสำเร็จในการขยายตลาดที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจรโดยสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมทุกประเภทได้แล้วกว่า 24,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 95% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขยายตลาดที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทางบริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีดีมานต์ค่อนข้างสูง และมีโอกาสขยายฐานได้ดี จึงเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยใหม่ โดยค่อนข้างเชื่อมั่นว่า ทั้งโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการนำร่อง ที่จะขยายสู่ตลาดระดับเดียวกันนี้ในทำเลอื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย” นายเมธา กล่าว