อลิอันซ์ โชว์ผลประกอบการสุดยอดในไตรมาสสาม รายได้พุ่งแตะ 24.5 พันล้านยูโร

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 23, 2010 17:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--ไอเดีย เวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์ กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต เผยผลประกอบการไตรมาสสามประจำปี 2553 รายได้รวมทั้งไตรมาสแตะ 24.5 พันล้านยูโร (หรือคิดเป็น 1.02 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.4% จาก 22 พันล้านยูโร (9.18 แสนล้านบาท) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้ภายในกลุ่มอลิอันซ์เองมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 6.5% มีกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสถึง 2.1 พันล้านยูโร (87.61 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2.3% จาก 2 พันล้านยูโร (83.44 พันล้านบาท) กำไรสุทธิรายไตรมาสอยู่ที่ 1.3 พันล้านยูโร (54.23 พันล้านบาท) ซึ่งมีผลมาจากค่าใช้จ่ายด้านภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กำไรสุทธิลดลง 8.8% จาก 1.4 พันล้านยูโร (58.41 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีที่ผ่านมา นายไมเคิล ดิกแมนน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อลิอันซ์ เอสอี กล่าวว่า “จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนได้เพิ่มขึ้นถึง 19.8% คิดเป็นเงิน 6.1 พันล้านยูโร (2.54 แสนล้านบาท) ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่ากำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีของปีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น และจะสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่ได้ตั้งไว้ที่ราว 7.2 พันล้านยูโร (3 แสนล้านบาท) ในสิ้นปีอย่างแน่นอน โดยบวกลบอยู่ที่ 500 ล้านยูโร (20.86 พันล้านบาท) ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาที่บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมต่อปีได้เกินกว่า 1 แสนล้านยูโร (4.17 ล้านล้านบาท)” ทางด้านสถานะทางการเงินของกลุ่มอลิอันซ์ ยังจัดอยู่ในสถานะที่มั่นคง ด้วยอัตราส่วนเงินกองทุน (Solvency ratio) อยู่ที่ 168% ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 จากเดิมที่ 170% ณ สิ้นไตรมาสที่สองของปีเดียวกัน โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 2.5% มาอยู่ที่ 44.9 พันล้านยูโร (1.87 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 จาก 43.8 พันล้านยูโร (1.83 ล้านล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2553 ผลกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 8.8% ในส่วนของธุรกิจประกันวินาศภัยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรวม คิดเป็นเงิน 10.6 พันล้านยูโร (4.42 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.6% จาก 10.2 พันล้านยูโร (4.26 แสนล้านบาท) เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว โดยที่ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศส่งผลให้ยอดเบี้ยประกันภัยลดลง 1.1% ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานขยายตัว มาอยู่ที่ 1.1 พันล้านยูโร (45.89 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 8.8% จาก 1 พันล้านยูโร (41.72 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้จากการรับประกันภัยและจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สองของปีนี้ มีส่วนทำให้ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนรวม (Combined Ratio) อยู่ที่ 97.1% เพิ่มขึ้นจาก 96.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในไตรมาสที่สามของปีนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 307 ล้านยูโร (12.81 พันล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 3.0 percentage points ของอัตราส่วนรวม โดยอัตราส่วน 3.4% นี้ สามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ นายโอลิเวอร์ เบท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ อลิอันซ์ เอสอี กล่าวว่า “สำหรับเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในรอบ 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ ได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ทั่วโลกเป็นจำนวนเงินราว 1.1 พันล้านยูโร (45.89 พันล้านบาท) รวมทั้งได้ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ และนอกเหนือจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงเกินความคาดหมายแล้ว กลุ่มธุรกิจนี้ยังคงสามารถสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สามได้ โดยสะท้อนได้จากอัตราส่วน loss ratio ที่ดีขึ้นในส่วนของอุบัติเหตุ ที่ไม่นับรวมเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งมีอัตราส่วนอยู่ที่ 69.1% เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 70% เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส ยิ่งไปกว่านั้น ราคาในตลาดหลักๆ ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นต่อไปอีกในปี 2554” ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ มีรายได้เติบโต 16.4% ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพมีรายได้อยู่ที่ 12.6 พันล้านยูโร (5.26 แสนล้านบาท) เติบโตเพิ่มขึ้น 16.4% จาก 10.8 พันล้านยูโร (4.51 แสนล้านบาท) ในไตรมาสที่สามของปีที่ผ่านมา เมื่อปรับผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้ว พบว่ามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 11.7% โดยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่พ่วงการลงทุนหรือยูนิตลิงก์ และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสสามนี้ทำได้ 655 ล้านยูโร (27.33 พันล้านบาท) ลดลง 30.2% จากยอดกำไร 939 ล้านยูโร (39.17 พันล้านบาท) ที่ทำได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากในไตรมาสสามของปีที่แล้ว บริษัทฯ สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้สูงเกินความคาดหมาย ซึ่งในขณะนั้นตลาดมีการฟื้นตัวอย่างรุนแรงจากจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปีที่ผ่านมานั่นเอง “กลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสามนี้ และในส่วนของผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่สูงถึง 2.3 พันล้านยูโร (95.95 พันล้านบาท) ก็อยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีของเราอยู่แล้ว” นายโอลิเวอร์ กล่าว ธุรกิจบริหารสินทรัพย์โชว์ยอดเงินไหลเข้าสุทธิจากบุคคลภายนอกในช่วง 9 เดือนแรก เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 1 แสนล้านยูโร (4.17 ล้านล้านบาท) ในส่วนของธุรกิจบริหารสินทรัพย์สามารถทำกำไรได้ 521 ล้านยูโร (21.74 พันล้านบาท) เติบโต 41.6% จาก 368 ล้านยูโร (15.36 พันล้านบาท) ในไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมสุทธิและจากค่านายหน้าที่สูงถึง 1.24 พันล้านยูโร (51.73 พันล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 42.6% จาก 866 ล้านยูโร (36.13 พันล้านบาท) ทำให้ภายในกลุ่มอลิอันซ์เองเติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็น 31.9% โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ดีขึ้น อยู่ที่ 58.5% จาก 59.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา มูลค่ารวมของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 เติบโต 25.5% มาอยู่ที่ 1.443 ล้านล้านยูโร (60.2 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 1.150 ล้านล้านยูโร (47.98 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากยอดเงินไหลเข้าสุทธิจากบุคคลภายนอกที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 40 พันล้านยูโร (1.67 ล้านล้านบาท) ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2553 “ธุรกิจในหมวดบริหารสินทรัพย์ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสสามนี้เอง กลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างกำไรให้แก่กลุ่มอลิอันซ์ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของกำไรสุทธิ ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ก็สามารถทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่ยอดเงินไหลเข้าสุทธิจากบุคคลภายนอกในช่วง 9 เดือนแรก เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 1 แสนล้านยูโร (4.17 ล้านล้านบาท) ได้สำเร็จ ซึ่งหากพิจารณาจากระดับที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันแล้ว จะเห็นว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการจะสามารถสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ ได้อย่างมากมายในอนาคต” นายโอลิเวอร์ กล่าวสรุป หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 เท่ากับ 1 ยูโร = 41.7186 บาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ