กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนช่วงเดือนพฤศจิกายน - เมษายนเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่าในลักษณะรุนแรง เพราะสภาพอากาศแห้ง ลมพัดแรง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเสี่ยงสูง พร้อมแนะประชาชนที่อาศัยริมแนวชายป่า เกษตรกร นักท่องเที่ยวให้ร่วมกันป้องกันไฟป่า โดยดูแลพื้นที่ริมแนวชายป่า มิให้มีเศษไม้ ใบหญ้าแห้งกองสุม เพราะจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี พร้อมสร้างแนวกันไฟล้อมรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันไฟลุกลาม หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่เป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่า รวมถึงเพิ่มความระมัดระวัง การจุดไฟในป่าเป็นพิเศษ หลังใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน — เมษายนของทุกปี สภาพอากาศของประเทศไทยแห้งแล้ง และลมพัดแรง ประกอบกับระยะนี้ตรงกับฤดูหนาวจึงเป็นช่วงที่ความชื้นสัมพันธ์ในอากาศต่ำ รวมถึงอิทธิพลจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผิวดินมีอุณหภูมิสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัย ที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่าในลักษณะรุนแรงมากขึ้น สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงไฟป่า รวม 64 จังหวัด โดยภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่เกิดไฟป่ามากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยการเก็บของป่าเป็นต้นเหตุของการเกิดไฟป่ามากที่สุด ส่วนการล่าสัตว์ การตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย การท่องเที่ยวเป็นสาเหตุรองลงมา เพื่อเป็นการป้องกันไฟป่า ขอแนะวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ดูแลพื้นที่ ริมแนวชายป่า โดยเก็บกวาดพื้นที่ให้โล่งเตียน มิให้มีใบไม้แห้ง กิ่งไม้แห้ง หรือหญ้าแห้งกองสุม เพราะหากเกิดไฟไหม้ จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟปะทุและลุกลามได้อย่างรวดเร็ว สร้างแนวกันไฟล้อมรอบพื้นที่ เพื่อสกัดมิให้ไฟลุกลาม ไปยังพื้นที่อื่น พร้อมหมั่นเก็บกวาดและกำจัดเชื้อเพลิงจำพวกใบไม้ กิ่งไม้แห้งและหญ้าที่ตกลงมาทับถมบนแนวกันไฟ และระวังไม่ให้มีต้นไม้ล้มพาดขวางแนวกันไฟ เพราะเมื่อเกิดไฟไหม้ ไฟจะลุกลามผ่านข้ามแนวกันไฟไปได้ หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่เป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่า เช่น เผาขยะหรือตอซังข้าวบริเวณริมข้างทาง เป็นต้น เพราะนอกจากจะมีโอกาสที่ไฟจะลุกลามเป็นไฟป่าแล้ว ยังทำให้ควันไฟปกคลุมเส้นทาง หากจำเป็นต้องจุดไฟ หรือเผาขยะ ควรควบคุมอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมถังน้ำหรือทรายสำหรับดับไฟไว้ใกล้ๆ บริเวณที่จุดไฟจะได้ดับไฟได้ทัน ในการเตรียมพื้นที่ เพาะปลูกให้ใช้วิธีไถกลบแทนการเผา หรือนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร เช่น ทำปุ๋ยหมัก เป็นต้น เพิ่มความระมัดระวังการจุดไฟในป่าเป็นพิเศษ ไม่ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพงหญ้าแห้ง หากก่อกองไฟให้ความอบอุ่น หรือประกอบอาหารในป่า ควรควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด หลังใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง