กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--ตรีเพชรอีซูซุเซลส์
“เชียงคาน” เมืองโบราณที่กำลังอยู่ในกระแสฮิตติดลมบนสำหรับผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลที่ว่า เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีความงามซ่อนอยู่ในความสงบ การเดินทางครั้งนี้เป็นคาราวานสื่อมวลชนทริปแรกของรถปิกอัพซูเปอร์อัจฉริยะ “อีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดยอดแห่งความปลอดภัยและความบันเทิงสูงสุด ทำให้การเดินทางตลอดระยะทางมากกว่า 500 กิโลเมตรเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย
จากบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ถนนวิภาวดีรังสิต ขึ้นโทลล์เวย์ตรงไปวังน้อย มุ่งหน้าผ่านสระบุรี ไปสู่ด่านขุนทด แม้ว่าปริมาณรถบนถนนเส้นมิตรภาพจะค่อนข้างมาก และมีทางแยกอยู่หลายจุด แต่รถในขบวนทุกคันก็สามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างอุ่นใจ ด้วยการนำทางของ “ไอ-จินนี่” ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ เวอร์ชั่นใหม่! ที่มาพร้อมระบบเมนูแบบ Scrolling 3D icon ซึ่งใช้งานง่าย เพียงใช้นิ้วแตะลากไอคอนบนหน้าจอ ก็ช่วยให้การค้นหาสถานที่ บอกระยะทางของร้านอาหาร และปั๊มน้ำมัน ตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แถมยังให้ความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นด้วย TITANIUM VISION นวัตกรรมแห่งความปลอดภัยที่ใช้กันในรถระดับหรู ซึ่งอีซูซุได้นำมาใช้เป็นครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ ดังนั้นเมื่อสามารถเห็นภาพทั้งด้านหน้ารถ ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 แบบ กว้างถึง 190 องศา และภาพด้านหลังรถ ที่ฉายขึ้นบนจอ LCD ภายในรถ ทำให้มั่นใจทุกครั้งในยามออกรถ หรือถอยจอด ทำให้การเดินทางจากกรุงเทพฯ — เชียงคาน จ.เลย เป็นเรื่องง่ายดาย
กองทัพเดินด้วยท้อง เป็นสุภาษิตที่ใช้ได้ในทุกโอกาส แม้ว่าจะตุนเสบียงกันมาแล้ว แต่เมื่อได้มาลิ้มรสอาหารเวียดนามถูกปากจากร้าน “ปนัดดา” จ.ชัยภูมิ ก็ทำให้เป็นมื้อกลางวันที่แสนอิ่มเอม และยังมีการแวะพักจามจุดต่างๆ ตลอดทาง ดังนั้นกว่าจะถึงที่พัก “ดิ โอลด์ เชียงคาน” บูติกโฮเต็ลเล็กๆ ที่อยู่ต้นถนนสายวัฒนธรรมของชุมชนตลาดเก่าเชียงคานก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้ชมตะวันลับขอบฟ้าในบรรยากาศที่แสนงดงามของ “แก่งคุดคู้” แก่งหินใหญ่กลางลำน้ำโขง ณ ครัวนุชา เชียงคานฮิลล์รีสอร์ท เปิดเมนูเด็ดริมโขงจานแรกด้วยอาหารจานเด็ด “กุ้งเต้น” ที่แตกต่างจากทุกที่เพราะเป็นกุ้งฝอยน้ำโขง ตัวโตพิเศษกว่ากุ้งจากแม่น้ำทั่วไป บวกกับการปรุงรสด้วยการใส่พริก มะนาว น้ำปลา จึงทำให้รสชาติอร่อยถูกปากกันอย่างถ้วนหน้า พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูหลากหลายที่ทยอยเสิร์ฟมาเป็นระยะๆ
จากเสียงโทรศัพท์มอร์นิ่งคอล (Morning Call) ที่คุ้นเคยมาเป็นมอร์นิ่งเคาะตอนตีหน้าครึ่งของเช้าวันรุ่งขึ้น ไม่เกินหกโมงเช้าแต่ละคนก็นั่งพับเพียบหน้าแฉล้มบนเสื่อหน้าโรงแรมเพื่อรอตักบาตรข้าวเหนียวตามธรรมเนียมของคนเชียงคาน ซึ่งคล้ายคลึงกับชาวเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาวที่เป็นเมืองฝาแฝดของเชียงคาน เป็นการตักบาตรด้วยข้าวเหนียวกันอย่างเดียว ไม่ใส่กับข้าวลงไปในบาตร โดยจะข้าวเหนียวปั้นก้อนเล็กๆ พร้อมกับใส่ขนม 1 ซอง เรียกได้ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตามตาม พระท่านจะได้ไม่ต้องหิ้วของให้เป็นภาระด้วย และไม่ต้องห่วงว่าพระท่านจะไม่มีกับข้าวฉัน เพราะชาวบ้านเขาจะตามเอากับข้าวไปถวายที่วัดกันอีกที ขณะที่พระอาทิตย์ดวงโตยังคงไม่กล้าแผดแสงจ้า และสายหมอกหนายังคงลอยเลียบสายน้ำโขงจนมองไม่เห็นฝั่งลาวที่อยู่ตรงข้าม เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนสดใส
หากมาที่เชียงคานก็ไม่น่าพลาดที่จะลิ้มลองอาหารขึ้นชื่ออย่างปาท่องโก๋ยัดไส้สูตรลุงมุขในตลาดสด ที่นับเป็นเมนูแปลกใหม่ อร่อยต้องลองตามสโลแกนของร้าน ซึ่งลุงได้สร้างสรรค์หาไส้สารพัด ทั้งหมูสับ หมูแดง หมูหยอง มาประยุกต์ทอดกับปาท่องโก๋ตัวใหญ่เบิ้ม นอกจากนี้ก็อยากจะแนะนำอาหารเช้าพื้นบ้านแสนอร่อย “ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” ร้านดั้งเดิม ซ.ศรีเชียงคาน 14 ตรงข้ามธนาคารออมสิน ที่รับรองว่าหารับประทานที่ใดไม่ได้ “ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” ลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวหรือเฝอของเวียดนามที่ใส่กระดูกหมูอ่อนและเครื่องในทุกชนิด บวกด้วยมะละกอสับและผักมากมาย ก่อนปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา ผงชูรส พริกป่นตามอัธยาศัย ใส่มาในกะละมังสังกะสีชามโต อร่อยเสียจนอยากกลับไปกินบ่อยๆ
ส่วนของฝากแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่อยากจะแนะนำ นอกเหนือจากโปสการ์ด เสื้อยืด หรือสินค้าประดิษฐ์แบบสมัยใหม่แล้ว คือ ผ้านวมยัดฝ้ายหุ้มด้วยผ้าฝ้ายทอมือ ซึ่งมีให้เลือกหลายร้าน ทุกร้านใช้ราคามาตรฐานเดียวกัน โดยชั่งตามราคาฝ้ายเป็นต่อกิโล ห่มแล้วอุ่นสบาย อุดหนุนคนไทยด้วยกัน นักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีชีวิตชาวเชียงคานอย่างใกล้ชิดด้วยจักรยานและขาสองข้างที่พาลัดเลาะไปชมบ้าน ตลอดจนร้านค้าเก๋ๆ ที่เรียงรายอยู่เต็ม 2 ข้างทาง ซึ่งจะทยอยเปิดต้อนรับผู้มาเยือนต่างถิ่นตั้งแต่ช่วงสายๆ ระหว่างทางหากนึกสนุก ก็ลองเดินหาประโยคขำๆ ที่เล่นเอาสาวๆ สะเทือนใจเหลือเกิน อาทิ “เชียงคานไม่หนาวเท่าขึ้นคาน” “เลยคานมานานแล้ว” หรือ “เฉียดคานที่เชียงคาน” ถือเป็นเรื่องอมยิ้มเล็กๆ ในการเดินทาง
ชีวิตที่เชียงคานดูเหมือนจะเดินช้ากว่าปกติ และความเรียบง่ายนั่นเองที่เป็นเสน่ห์ที่คนเมืองโหยหา ไม่เพียงบ้านเรือนแถวไม้โบราณอายุมากกว่า 100 ปีที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้อย่างยาวนาน แม้ว่าจะได้รับการปรับปรุงเพื่อทำเป็นเกสต์เฮ้าส์ บูติกโฮเต็ล ร้านขายของที่ระลึกแนวอาร์ต ร้านอาหารหรือร้านกาแฟที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่หลงลืมไป แต่วิถีชีวิตของผู้คนบนถนนเลียบแม่น้ำโขงสายนี้ยังเปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรี และอัธยาศัยที่ดีในแบบฉบับคนสมัยก่อน
หลังมื้ออาหารกลางวัน ณ เฮือนหลวงพระบาง ซึ่งสืบทอดสูตรต้นตำรับอาหารพื้นเมืองอันแสนอร่อยจากต้นตระกูลที่ข้ามโขงมาจากเมืองหลวงพระบาง คาราวานอีซูซุดีแมคซ์ ซูเปอร์ ไททาเนียม ได้เคลื่อนขบวนอำลาเมืองเชียงคาน โดยมุ่งหน้าสู่ถนนสายโรแมนติก เชียงคาน — หนองคายที่เลาะเลียบไปตามแนวคดโค้งของลำน้ำโขง มองเห็นสายน้ำที่ไหลผ่านเกาะแก่งกลางน้ำเป็นภาพที่งดงามเกินบรรยาย ก่อนถึง จ.อุดร เพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพ หลังจากเติมความสุขจนเต็มอิ่มในเมืองเล็กๆ ที่แสนเรียบง่าย ปราศจากความว่นวาย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าดึงดูด จนรู้สึกอยากจะเก็บรักษาเอกลักษณ์วิถีชีวิตเช่นนี้ให้คงอยู่ตลอดไป
ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานองค์กรสัมพันธ์
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
โทร.02-966-2127-9