กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงพาณิชย์ประกาศพร้อมใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นหรือ Safeguard ตาม พ.ร.บ. มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 หลังจากที่ได้มีการออกอนุบัญญัติภายใต้ พ.ร.บ. ดังกล่าวเรียบร้อยแล้วทั้ง 7 ฉบับ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการไต่สวนมาตรการปกป้อง ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นหรือให้คำแนะนำพร้อมเหตุผลประกอบต่อคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการรับคำขอ หรือคำร้องขอ การพิจารณาเปิดการไต่สวน การไต่สวน การพิจารณาความเสียหาย การกำหนดมาตรการปกป้อง การกำหนดมาตรการปกป้องชั่วคราว ระยะเวลาการใช้มาตรการปกป้อง ฯลฯ เมื่อมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะนำมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นมาใช้ได้ทันที
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยต่อไปว่า มาตรการปกป้องที่ใช้สามารถกำหนดให้เรียกเก็บอากรตามอัตราที่กำหนด (Tariff) หรือจำกัดปริมาณการนำเข้า (Quota) หรือการจำกัดการนำเข้าและภาษี (Tariff Quota) ก็ได้ ทั้งนี้ หลักในการใช้มาตรการปกป้องฯ จะสามารถนำมาใช้ได้เมื่อมีปริมาณการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น มีความเสียหายอย่างร้ายแรงที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในหรือความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายใน และความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถใช้มาตรการปกป้องชั่วคราวได้ไม่เกิน 200 วัน สำหรับกรณีปกติสามารถใช้มาตรการได้ไม่เกิน 4 ปี แต่ในกรณีที่มีความจำเป็น ก็สามารถขยายเวลาการใช้มาตรการได้อีกเท่าที่จำเป็นแต่ไม่เกิน 4 ปี นอกจากนั้น ในกรณีของประเทศกำลังพัฒนาสามารถขอขยายระยะเวลาได้อีก 2 ปี รวมทั้งหมดไม่เกิน 10 ปี
อุตสาหกรรมภายในของไทยที่ประสบปัญหาจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นและเห็นว่าการนำเข้าดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมของตน สามารถยื่นคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า ชั้น 15 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 02-547 5081-2 สายด่วน 1385 หรือโทรสาร 02-547 4741