กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--กทช.
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ในฐานะประธานโครงการการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่(Mobile Number Portability) กล่าวถึงความคืบหน้าของการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายหรือย้ายค่ายเบอร์เดิมว่า หลังจากที่กทช.ได้รับแจ้งจากบริษัทเครือข่ายผู้ให้บริการว่าพร้อมจะเปิดให้บริการได้ในวันที่15 ธันวาคม ที่จะถึงนี้แล้วนั้น จากการตรวจสอบความพร้อมของบริษัทผู้ให้บริการและบริษัทเคลียริ่งเฮ้าส์พบว่าขณะนี้ ระบบข้อมูลต่างๆพร้อมแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบระบบระหว่างบริษัทผู้ให้บริการด้วยกันและระบบผู้ให้บริการกับบริษัทเคลียริ่งเฮ้าส์ จากการประชุมหารือกันครั้งล่าสุดมีข้อสรุปว่าภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมจะเป็นการทดสอบระบบครั้งสุดท้าย โดยในเบื้องต้นได้ตกลงกันว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในวงจำกัดก่อนซึ่งพื้นที่ที่เหมาะสมและมีความพร้อมมากที่สุดก็คือกรุงเทพมหานครที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 15 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
ประธานโครงการการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่กล่าวต่อไปว่าเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการเปิดให้บริการจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดังนั้นในวันอังคารที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ตนจะเดินทางไปตรวจความพร้อมที่บริษัทเคลียริ่งเฮ้าส์ซึ่งจะเป็นศูนย์ข้อมูลกลางในการดูแลเรื่องการย้ายค่ายของผู้ใช้บริการว่าเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมกันนั้นได้เชิญตัวแทนบริษัทผู้ให้บริการมาหารือร่วมกันเพื่อจับมือยืนยันกับพี่น้องประชาชนต่อหน้าสื่อมวลชนว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้อย่างแน่นอนโดยเริ่มต้นนำร่องในพื้นที่กรุงเทพก่อนแล้วหลังจากนั้นจะทยอยเปิดบริการทั่วประเทศต่อไป ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถเปิดบริการพร้อมกันได้ก็เพราะบริษัทแต่ละรายมีความพร้อมไม่เท่ากัน แต่โดยภาพรวมแล้วถึงที่สุดกทช.เชื่อว่าหลังจากวันที่ 15 ธันวาคม ผู้ให้บริการจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการตามหัวเมืองต่างๆและคาดว่าในเดือนมกราคมหรืออย่างช้าสุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 น่าจะเปิดบริการครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศได้ อย่างไรก็ตามเพื่อให้มีหลักฐานชัดเจน กทช.จะให้บริษัทผู้ให้บริการทำหนังสือยืนยันมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าพร้อมเปิดให้บริการได้แล้ว ที่ผ่านมาเราเองก็ข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย บริษัทผู้ให้บริการก็กังวลว่าถ้าเปิดไปแล้วอาจจะไม่เรียบร้อยเพราะลูกค้าทั่วประเทศมีอยู่ 60 กว่าล้านเลขหมายก็ต้องทำระบบให้มันครอบคลุมให้ได้และต้องมีประสิทธิภาพด้วยจึงทำให้เกิดความล่าช้า