กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต
บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต ประกาศผลประกอบการ ณ สิ้นสุดไตรมาสที่สามประจำปี 2553 โชว์สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยมูลค่าสินทรัพย์กว่า 9.9 หมื่นล้านบาท พร้อมสร้างผลงานยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทางเพิ่มขึ้นถึง 15% คิดเป็นมูลค่า 12,658 ล้านบาท
นายสตีเฟ่น แอปเปิ้ลยาร์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต เปิดเผยว่า การปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รวมทั้งพลวัตที่เกิดจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยและการดำเนินมาตรการของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวในเกณฑ์ดี เมื่อรวมกับการขยายตัวสูงในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้เศรษฐกิจไทยตลอดปีนี้มีโอกาสขยายตัวในเกณฑ์สูง
“ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของทีมงานในทุกช่องทาง ทำให้บริษัทฯ มียอดขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ สอดคล้องกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของ อลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเราที่มีรายได้ในธุรกิจประกันชีวิตและประกันสุขภาพเติบโตสูงถึง 16.4% คิดเป็นมูลค่า 12.6 พันล้านยูโร (515.910 พันล้านบาท) จากเดิม10.8 พันล้านยูโร (442.209 พันล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. มีมูลค่าสินทรัพย์ทะลุ 9.9 หมื่นล้านบาทแล้ว อีกทั้งยังสามารถดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนและเงินครบกำหนดสัญญาแก่ผู้ถือกรมธรรม์ได้มากกว่า 517,134 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,558 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่คนไทย และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มั่นคง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกจังหวะชีวิต
“ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เบี้ยประกันภัยรับรวมของเราเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 12,658 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่มาจาก 3 ช่องทางหลัก คือ ช่องทางตัวแทนทำได้ 8,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมได้สูงถึง 1,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ช่องทางขายตรงยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของช่องทางดังกล่าวในตลาดประกันชีวิตไทย โดยตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 1,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” นายสตีเฟ่น กล่าว
ในส่วนของเงินปันผลที่จะจ่ายให้ลูกค้าในปี 2554 ดังที่ทราบกันดีว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปี 2553 ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า และมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะนี้อีกต่อไป จึงทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นกับบริษัทประกันชีวิตให้ทำตามธนาคารในการปรับลดอัตราการจ่ายเงินปันผลลง อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ก็ควรจะลดอัตราเฉลี่ยจากเดิม 4% ที่เคยจ่ายในปี 2553 มาอยู่ที่ 3.75% ในปี 2554 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปีของการดำเนินงานของบริษัทฯในปีหน้านี้ ทางคณะผู้บริหารได้ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อขอบคุณลูกค้า ด้วยการคงอัตราเฉลี่ยการจ่ายเงินปันผลไว้ที่ 4% เช่นเดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะยังคงอยู่ในอัตราที่ต่ำ แต่ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ยังคงเดินหน้าที่จะรักษาการจ่ายเงินปันผลในอัตราเฉลี่ยที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารถึงสองเท่า
นายสตีเฟ่น กล่าวอีกว่า “จากสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างที่เราได้ประสบกันมา นับเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตรา 4% ดังที่กล่าวไปแล้ว แต่ด้วยวิธีการลงทุนในแบบอนุรักษ์นิยมของเรา ประกอบกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงทำให้เราสามารถจ่ายผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าแก่ลูกค้าของเราได้”
เขากล่าวย้ำอีกว่า “จากผลของการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาของบริษัทฯ จะส่งผลบริษัทฯ สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดและมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้นในปี 2554 และปีต่อๆ ไป ทั้งนี้ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.มุ่งมั่นที่จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะคอยคุ้มครองทุกครอบครัวไทยให้ได้รับความอุ่นใจในทุกช่วงจังหวะของชีวิต”