2 โครงงานหุ่นยนต์ โชว์ความสามารถของเด็กไทย ขาเทียมหุ่นยนต์เพื่อคนพิการ และ หุ่นยนต์รดน้ำอัตโนมัติ

ข่าวทั่วไป Wednesday December 1, 2010 17:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--สสวท. ในปี 2554 ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศขึ้น โดยจะมีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้กว่า 90 ประเทศ และเป็นเวทีการแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่สนใจอีกรายการหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้จัดโครงการ IPST ROBOT CONTEST 2010 ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่สร้างความตระหนักและความตื่นตัวในการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ให้กับเยาวชนไทย โดยหนึ่งในกิจกรรม คือ การประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานที่อยากแนะนำให้รู้จัก คือ “โครงงานขาเทียมหุ่นยนต์เพื่อคนพิการ” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ผลงานของ นส.ภัทร์ธีรา ทุ่งโพธิ์แดง และนส.สุชานันท์ ป้อมบุญมี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จังหวัดพิษณุโลก และ “โครงงานหุ่นยนต์รดน้ำอัตโนมัติ” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ2 ผลงานของ นส.วิจิตรา จันอุทัย และ นส.จตุพร นิยมสำรวจ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี จังหวัดอุตรดิตถ์ “โครงงานขาเทียมหุ่นยนต์เพื่อคนพิการ” น้องฝ้าย หรือ นส.ภัทร์ธีรา ทุ่งโพธิ์แดง เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า มาจากการที่ได้เห็นหุ่นยนต์ ASIMO ของญี่ปุ่นที่สามารถเดินและวิ่งได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก จึงเกิดข้อสงสัยว่า ในเมื่อหุ่นยนต์ที่เป็นเครื่องจักรยังสามารถเดินได้เหมือนมนุษย์ แล้วทำไมคนพิการที่ขาขาด เขาจะกลับมาเดินเป็นปกติเหมือนกับคนอื่นๆไม่ได้ พอดีมีโครงการของ สสวท.ขึ้นมา ก็เลยชวนเพื่อนมาช่วยกันทำโครงงานนี้ ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้รางวัลระดับประเทศ เพราะคิดว่าโครงงานฯยังดีไม่พอ แต่เมื่อได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ก็ดีใจมาก น้องฝ้าย บอกว่า ความรู้ที่ต้องนำมาใช้ในการคิดโครงงานนี้ มีอยู่หลากหลายสาขาเป็นการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้าน ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ รวมทั้งความรู้ทางวิศวกรรมด้วย แต่หลักๆที่นำมาใช้ในเบื้องต้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ชีวกลศาสตร์ และพื้นฐานทางด้านคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ โดยงานชิ้นนี้้วก็อีกมากมาย์ และาร วัดอุตรดิตถ์ิยมสำรวจ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ได้แนวคิดมาจากท่าทางการเดินของคนที่จะมีการแกว่งแขนสัมพันธ์กับการก้าวขา จึงนำข้อสังเกตนี้ไปใช้ในการสร้างฟังชันก์ในการเขียนโปรแกรมควบคุมขาเทียมโดยสร้างขาเทียมให้รองรับกับแนวคิดนี้ “หนูสนใจทางด้านหุ่นยนต์มาก เพราะตอนเด็กๆคุณแม่พาไปงานที่ ไบเทค ได้เห็นหุ่นยนต์ต่างๆน่าอัศจรรย์มากที่สามารถทำสิ่งต่างๆทดแทนมนุษย์ได้ทั้งๆที่เป็นแค่เพียงเศษชิ้นส่วนเล็กๆ เลยเกิดความสนใจขึ้นมาอยากสร้างหุ่นยนต์บ้าง แต่ต้องรู้วิธีการสั่งการหุ่นยนต์ก่อน จากนั้นจึงเริ่มศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ค่ะ” น้องฝ้าย ยังบอกอีกว่า ในอนาคตอยากจะศึกษาในด้านหุ่นยนต์อย่างจริงจัง โดยอยากจะเข้าศึกษาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาแมคคาทรอนิกส์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และอยากศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะมีชื่อเสียงทางด้านหุ่นยนต์ เพื่อจะได้กลับมาเป็นนักวิจัยที่ประเทศไทยสร้างสรรค์ผลงานที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป ส่วนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศนั้น น้องฝ้าย เสนอว่า การแข่งขันโอลิมปิกฯ ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการเผยแพร่ข้อสอบหลังการแข่งขัน คิดว่าถ้ามีการเผยแพร่ข้อสอบจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันได้มีโอกาสทดลองทำข้อสอบ เพื่อว่าคนที่สนใจจะได้มีโอกาสพัฒนาความสามารถในด้านคอมพิวเตอร์ด้วย ด้าน “น้องปู” นส.สุชานันท์ ป้อมบุญมี เพื่อนร่วมทีม บอกว่า การทำขาเทียมหุ่นยนต์ต้องศึกษาจาก ขาเทียมจริงๆ ดังนั้นช่วงที่ทำโครงงานจึงไปขอคำปรึกษา คุณลุงประเสริฐ ไมตรีจิตร หัวหน้าห้องกายอุปกรณ์ โรงพยาบาลพุทธชินราช และพาไปดู พร้อมทั้งคำแนะนำวิธีการทำขาเทียมแบบต่างๆ จึงได้นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการทำโครงงานชิ้นนี้ “ถ้าหนูสามารถพัฒนาต่อจนสำเร็จได้ขาเทียมที่สมบูรณ์แบบแล้ว คิดว่าผู้พิการก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปได้ มันก็เหมือนกับการคืนชีวิตให้กับคนๆหนึ่ง หวังว่างานชิ้นนี้เมื่อนำไปใช้ได้จริงแล้วผู้พิการก็จะมีกำลังใจในการมีชีวิตเพื่อสร้างสังคมที่ดีให้กับประเทศชาติต่อไปค่ะ” น้องปู ยังบอกอีกว่า ที่สนใจทางด้านคอมพิวเตอร์เพราะเห็นว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว แต่ปัจจุบันมีแต่เพียงผู้ที่เสพเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงน้อยคนนักที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยี ให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้นได้ เธอจึงตั้งใจว่าอนาคตอยากจะเรียนสาขาคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม ด้าน อาจารย์อานนท์ มากมี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานฯ กล่าวเสริมถึงประโยชน์จากการทำโครงงานฯว่า การที่นักเรียนได้ทำโครงงาน ทำให้นักเรียนมีการวางแผนการทำงาน การเรียนที่เป็นระบบมากขึ้น จากการที่เรียนพิเศษมากมายทำให้ นักเรียนทำงานอย่างมีเหตุผล เห็นความสำคัญในการทำงานมากขึ้นด้วย ส่วน “โครงงานหุ่นยนต์รดน้ำต้นไม้” นส.จตุพร นิยมสำรวจ เจ้าของโครงงานฯ เล่าถึงโครงงานชิ้นนี้ว่า เป็นโครงงานที่คิดต่อยอดจากรุ่นพี่ที่โรงเรียน ซึ่งใช้โปรแกรม IPST MicroBOX หรือ “ชุดกล่องสมองกล” ที่ทางโรงเรียนจัดการเรียนการสอนให้ ซึ่งเป็นโปรแกรมควบคุมการทำงานทั้งหมดของหุ่นยนต์ในการตรวจวัดอุณหภูมิ การเคลื่อนที่อย่างอัตโนมัติ และการเตือนน้ำหมด “หนูคิดว่าคอมพิวเตอร์เป็นวิชาที่มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง ข้อแตกต่างนี้ทำให้คอมพิวเตอร์เป็นวิชาที่น่าสนใจ น่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์ยังเป็นตัวช่วยให้เราได้ค้นพบสิ่งแปลกใหม่ต่างๆในโลกนี้ ทั้งความรู้ทางวิชาการต่างๆ เพื่อนในต่างประเทศ รวมถึงการติดต่อสื่อสารได้รวดเร็ว และสะดวกสบายขึ้น” น้องจตุพร บอกถึงสาเหตุที่เธอสนใจวิชาคอมพิวเตอร์ สำหรับอนาคตที่วางไว้ น้องจตุพร บอกว่าอยากศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เนื่องจากโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจ จึงชอบเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจเป็นพิเศษด้วย การทำธุรกิจต่างๆต้องมีการวางแผนการจัดการอย่างเป็นระบบ และถ้าเรามีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทำงานจะทำให้งานมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบมากขึ้น ด้าน น้องวิจิตรา จันอุทัย เพื่อนร่วมทีม บอกว่า ช่วงที่เริ่มทำโครงงาน เธอและเพื่อน เรียนเกี่ยวกับ โปรแกรม IPST MicroBOx เพื่อใช้สำหรับโครงงานชิ้นนี้ รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ และไม่เบื่อเลย แต่เวลาในการศึกษาเรียนรู้ของวิชานี้น้อยมาก จึงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ผู้สอน และยังมีตัวอย่างรุ่นพี่นักเรียนที่ได้ไปแข่งขันหุ่นยนต์ในต่างประเทศ ช่วยจุดประกายความคิดและความฝัน ดังนั้น จึงสมัครค่าย Hypercube XIX เป็นค่ายอบรมวิชาคอมพิวเตอร์ จัดโดยสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมก็รู้สึกชอบมากขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกฝนตัวเองจนได้เข้าประกวดโครงงานในครั้งนี้ ส่วนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ในปีหน้านั้น น้องวิจิตรา มองว่า การแข่งขันน่าจะเป็นสิ่งที่จุดประกายความคิดและความฝันให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจในด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อในอนาคตจะได้ร่วมกันพัฒนาประเทศในโลกยุคที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีอิทธิพลอย่างสูง และการแข่งขันยังทำให้มีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไปพร้อมกันด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ