“ทียูเอฟ” ตอกย้ำภาพลักษณ์ ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเล โชว์ไตรมาสแรกกำไรเพิ่มขึ้น 27 %

ข่าวทั่วไป Tuesday May 15, 2007 09:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ทียูเอฟ
ทียูเอฟ ประเดิมไตรมาสแรก รับปีหมูทอง โชว์ผลการดำเนินงานที่เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมีรายได้จากการขาย 361.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% และมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น 27% เป็นผลจากศักยภาพด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย สามารถทำรายได้จากการขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 3% จาก 350.5 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2549 เป็น 361.6 ล้านเหรียญในปี 2550 โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 527.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามถ้ามองในรูปของเงินบาท จะเห็นว่า รายได้จากการขายอยู่ที่ 12,801.5 ล้านบาท ลดลง 7% จาก 13,721.1 ล้านบาทของปี 2549 และมีรายได้รวมเป็น 13,027.6 ล้านบาท ลดลง 6% จาก 13,871.6 ในปีก่อน แต่ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถทำกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 25% จาก 0.48 ในปี 2549 เป็น 0.60 สำหรับปี 2550
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร เผยถึง “ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ว่า บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับปี 2549 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบริหารลดลง รวมถึงกลยุทธ์ทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายลดลง ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราการเติบโตสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามความผันผวนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดยเพิ่มสูงขึ้นถึง 10% ได้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดขายในรูปของเงินบาทของบริษัทลดลง แต่ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสามารถในการทำ Margins ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยอดขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
สำหรับยอดขายตามผลิตภัณฑ์นั้น ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ายังคงมีสัดส่วนการส่งออกสูงเป็นอันดับหนึ่งคือ 54% อันดับสองคือ กุ้งแช่แข็ง 18% อันดับสามคือ อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง และอาหารแมวบรรจุกระป๋องอยู่ที่ 8% ตามด้วย อาหารกุ้ง 6% ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ 4% และปลาหมึกแช่แข็ง 2% โดยตลาดส่งออกหลักยังคงอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย อัฟริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้
ในส่วนของตลาดส่งออกนั้น นายธีรพงศ์ กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าตลาดอเมริกา จะเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนสูงถึง 55% และมีสหภาพยุโรปเป็นตลาดรอง โดยมีสัดส่วน 12% อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้ตลาดที่น่าจับตามองมากที่สุดคือตลาดญี่ปุ่น เพราะการลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) หรือ เอฟทีเอ ไทย — ญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นผลดีกับสินค้าประเภทกุ้ง เช่น กุ้งสด กุ้งแช่เย็นและแช่แข็ง และกุ้งต้ม รวมไปถึงปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง และ อาหารแมวบรรจุกระป๋อง ที่ญี่ปุ่นจะยกเลิกภาษีนำเข้า”
นอกจากนี้นายธีรพงศ์ ยังได้กล่าวถึง “การเข้าไปลงทุนในบริษัท ไฮเฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาพ่อแม่พันธ์ และลูกกุ้งที่มีคุณภาพสูง เพื่อผลิตและจำหน่ายให้กับเกษตร ของบริษัทย่อย ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ นั้น ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งในการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าประมงแปรรูปโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กุ้ง ตั้งแต่ระดับการคัดเลือกสายพันธุ์ การเพาะเลี้ยง การแปรรูป รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายแบบครบวงจร ทำให้ทียูเอฟมีศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์กุ้งมากยิ่งขึ้น”
และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (Ready — to — Eat) ภายใต้แบรนด์ “มายสยาม บาย คุณหรีด” (My Siam by Khun Reed) เพื่อทำตลาดภายในประเทศ โดยมีบริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่าย ซึ่งจะเริ่มวางขายภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับแบรนด์ “มายสยาม บาย คุณหรีด” นี้ ทียูเอฟได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยจำหน่ายไปยังตลาดสหภาพยุโรปก่อน ประกอบด้วย 5 เมนูหลักคือ แกงเขียวหวานกุ้ง กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย กุ้งกะเพรา ต้มยำกุ้ง และฉู่ฉี่ปลาแซลมอน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี
“การปรับตัวทางด้านการบริหารการจัดการ การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสม รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทยึดมั่นเพื่อรักษาระดับการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถก้าวไปสู่การแข่งขันในตลาดโลกได้” นายธีรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติม: ฝ่ายสื่อสารองค์กร
อีเมล์: tufinbox@thaiunion.co.th
โทรศัพท์: (662) 298-0024 ต่อ 675 - 678
โทรสาร: (662) 298-0024 ต่อ 679
วิสาขา จันทกิจ (หนึ่ง)
Supervisor of Corporate Communications Department.
Thai Union Frozen Products PCL.
Tel: 66 2298 0024, 66 2298 0537-41 ext. 677.
Fax: 66 2298 0024, 66 2298 0537-41 ext. 679.
Web Site: www.thaiuniongroup.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ