กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทย ประกาศขอเป็นที่ 1 ครองใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกพื้นที่ ตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งตลาดปี 54 เป็น 30% ด้วย 4 กลยุทธ์มัดใจลูกค้า ออกบริการตอบโจทย์ ลูกค้าติดต่อได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เป็นที่ปรึกษาที่เชื่อใจได้ และให้ความรู้หลากมิติ
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปี 2553 ที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารกสิกรไทยในปี 2553 มียอดสินเชื่อรวมประมาณ 395,500 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% มียอดรายได้รวมที่ 23,700 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่ม 16% สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ลดลงจากปี 2552 ที่อยู่ที่ 4% และยังคงรักษาความเป็นอันดับหนึ่งด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 27% ในปี 2552 เป็น 29% ในปี 2553
สำหรับปี 2554 ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าตอกย้ำความเป็น 1 ครองใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกพื้นที่อย่างแท้จริง โดยเพิ่มยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็น 425,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ยอดรายได้รวมที่ 27,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีเป้าหมายที่จะครองใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 30% เป็นธนาคารที่ลูกค้าเอสเอ็มอีเลือกใช้เป็นธนาคารหลัก (Main Bank) รวมถึงการเป็น The Most Trusted Bank for SME ธนาคารที่ลูกค้าไว้วางใจที่สุด ด้วยการส่งมอบประสบการณ์ที่ดี ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อใจในการใช้บริการ
ทั้งนี้ ในปีหน้าธนาคารพร้อมที่จะรุกตลาดลูกค้าเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อก้าวขึ้นครองใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เนื่องจากลูกค้าแต่ละภูมิภาค ในแต่ละจังหวัดมีความต้องการและธุรกิจหลักมีความแตกต่างกัน โดยชู 4 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ ได้แก่
1. การวิเคราะห์ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในแต่ละพื้นที่เชิงลึก เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านสินเชื่อใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกพื้นที่
2. การให้บริการตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ผ่านเจ้าหน้าที่ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าจำนวน 1,400 คน ของศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ (SME Business Center) 199 แห่ง เพื่อให้คำปรึกษาด้านบริการทางการเงินหรือด้านองค์ความรู้ รวมถึงช่วยเหลือและช่วยดูแลธุรกิจได้อย่างใกล้ชิดทุกสถานการณ์ยิ่งขึ้น
3. เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจที่เชื่อใจได้เสมอ (Trusted Advisor) ที่เข้าใจธุรกิจลูกค้าอย่างถ่องแท้และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้สามารถเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินและสามารถให้บริการพร้อมคำปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
4. การเสริมสร้างความรู้และเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน โดยการจัดหลักสูตรที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกช่วงธุรกิจในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ด้วย 3 โครงการหลัก ได้แก่
K SME Start-Up Workshop เป็นหลักสูตรที่เราได้พัฒนามาจาก ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจใหม่
K SME Care สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง ที่ต้องการสร้างความแข็งแกร่งก้าวหน้าของธุรกิจ ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างชื่อเสียงให้ธนาคารกสิกรไทย ในการเป็นสถาบันที่ให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ตลอด 4 ปี มีผู้เข้าอบรมไปแล้วจำนวน 13 รุ่น กว่า 6,000 ราย ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
K SME Academy ซึ่งเป็นการส่งมอบองค์ความรู้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดกลาง ด้วย 5 มิติเชิงลึก คือ การบริการจัดการทางการเงิน การตลาด การบริการทรัพยากร การกำหนดกลยุทธ์ในธุรกิจ การจัดการด้านการดำเนินงาน โดยสิ่งที่โดดเด่นของโครงการนี้ คือ การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว ซึ่งเมื่อจบหลักสูตร ก็จะได้แผนธุรกิจของตัวเองที่สามารถไปใช้ได้จริง ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้ว 4 รุ่น จำนวน 120 บริษัท โดยในปีหน้ามีแผนขยายหลักสูตร K SME Academy ไปยังต่างจังหวัด
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังเป็นธนาคารแรกในประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านธุรกิจลูกค้าประกอบเอสเอ็มอี ประจำปี 2553 (Best SME Bank in Thailand) ซึ่งจัดโดยนิตยสาร The Asset โดยสำรวจจากความคิดเห็นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ด้วยการให้บริการอันครบวงจรแก่ลูกค้าเอสเอ็มอี
นายปกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำตลาด SME ไม่ง่าย มีความท้ายทาย และมีการแข่งขันที่รุนแรง การจะครองใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ต้องเข้าถึงความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอีในแต่ละพื้นที่ แต่ด้วยความพร้อมและความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME จึงทำให้ในวันนี้ K SME ครองความเป็นผู้นำตลาด และจะครองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้ประกอบการ SME ในทุกพื้นที่ตามเป้าหมายที่เป็นภารกิจสำคัญของธนาคารอย่างแน่นอน