กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--IR network
“วุฒิชัย ลีนะบรรจง” มั่นใจผลงานไตรมาส 4/2553 ของ บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์คหรือ CEN ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2553 หลังจากที่โชว์กำไรพุ่งแรง 88.90% เผยสุดปลื้ม 4 ธุรกิจบริษัทในเครือหนุนจึงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ และบริหารต้นการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมประกาศขอเติบโตย่างแข็งแกร่งในอนาคต”
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN กล่าวถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2553 ว่า ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากบริษัทในเครือทั้ง 4 แห่ง คือ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรี จำกัด (มหาชน),บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด และบริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ยังคงดำเนินงานโดยใช้กลยุทธ์เชิงรุก เนื่องจากเล็งเห็นภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานในอนาคตของกลุ่มบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"สืบเนื่องมาจากผลงานไตรมาส 3/2553 ที่มีการขยายตัวอย่างโดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันคณะผู้บริหารและทีมงานของบริษัทได้ทำงานอย่างแข็งขันและทุ่มเท ทำให้วันนี้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า CEN มีอัตราการเติบโตดีขึ้นมาก และถือเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทในเครือทั้ง 4 แห่ง" นายวุฒิชัยกล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2553 สิ้นสุด 30 กันยายน 2553 ของ CEN มีกำไรสุทธิ 68.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.90% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ที่กำไรสุทธิ 36.26 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 129.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 581.40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 26.82 ล้านบาท
สาเหตุที่กำไรเฉพาะไตรมาส 3/53 เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทสามารถลดต้นทุนเป็นผลให้บริษัทมี EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 86.9 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นเกิดจากอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวดีขึ้นในปี 2553 อีกทั้งบริษัทมีการควบคุมในการซื้อวัตถุดิบรวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลให้บริษัทมีการประหยัดจากขนาดการผลิต (economy of scale) ด้วยการจัดตั้งคณะทำงาน (steering committee) ที่ประกอบด้วยผู้บริหารของบริษัทในเครือที่มีความชำนาญในแต่ละสาขามาทำงานร่วมกันในภาระดังกล่าว
เขากล่าวต่อในช่วงท้าย ปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจอยู่ 3 ภาคธุรกิจด้วยกัน ประกอบด้วย ภาคธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ภาคธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม และภาคธุรกิจอื่นๆ โดยมีบริษัทในเครือ 4 บริษัทดังนี้ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด(มหาชน) ผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กไฟฟ้าแรงสูง และเสาโครงเหล็กโทรคมนาคม บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยวและชนิดตีเกลียว บริษัท เอ็นเนซอลจำกัด ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและความร้อน และ บริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี ให้บริการขุดเจาะอุโมงค์โดยไม่ต้องเปิดหน้าดิน เป็นต้น และการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือเน้นบริหารงานเชิงรุก ส่งผลหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทก้าวเติบโตและเป็นไปตามเป้าที่คาดการณ์ไว้
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : IR network
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว (มิกซ์) e-mail : nattaphong@irnetwork.co.th
คุณรจนา ใจดี (โรส) e-mail : rose_jaidee@irnetwork.co.th