ฟิทช์ให้อันดับเครดิต ‘A(tha)’ แก่ตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของ ธนาคารกรุงไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 3, 2010 16:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ระดับ ‘A(tha)’ แก่ตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier 1 Security) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยจะเป็นการเสนอขายภายในประเทศและมีมูลค่ารวมไม่เกิน 9 พันล้านบาททั้งนี้ตราสารหนี้ด้อยสิทธิดังกล่าว ไม่สะสมดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดระยะเวลาครบกำหนด โดยธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้ (call option) หลังจาก 5 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้ และมีคุณลักษณะสามารถรองรับผลขาดทุนได้ในระหว่างการดำเนินงาน (absorb losses on a going concern basis) อันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตในประเทศระยะยาวของธนาคารที่ไม่ได้พิจารณารวมการสนับสนุนของรัฐบาล (implied unsupported National long-term rating) (ที่ ‘AA-(tha)’) 2 อันดับ โดยเป็นการพิจารณาความแข็งแกร่งทางการเงินเฉพาะของธนาคาร โดยเฉพาะระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและกำไรสะสมที่อยู่ในระดับสูง (54.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553) ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย การจ่ายดอกเบี้ยของตราสารหนี้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 สามารถจ่ายจากกำไรหรือกำไรสะสมของธนาคาร แต่ในปีที่ธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลการดำเนินงานขาดทุน การจ่ายดอกเบี้ยจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นรายกรณีไป โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาจากฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เช่น ระดับเงินกองทุน ความสามารถในการทำกำไร และกำไรสะสม เป็นต้น ดังนั้นฟิทช์เชื่อว่า KTB อาจได้รับอนุญาตในการจ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว แม้ธนาคารอาจมีผลการดำเนินงานขาดทุน เนื่องจากระดับเงินกองทุนและกำไรสะสมในปัจจุบันของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ระดับความแตกต่างของอันดับเครดิตดังกล่าวจึงอาจปรับกว้างขึ้นได้ หากปัจจัยด้านความแข็งแกร่งทางการเงินดังกล่าวปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตทั้งหมดของ KTB ไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 (โปรดดูรายละเอียดในการประกาศอันดับเครดิตหัวข้อ “ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงไทย แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ”) KTB เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 18.5% และมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่จัดตั้งโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 55% สถานะทางการเงินเฉพาะของธนาคารปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น โดยความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งได้รักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง KTB มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% เป็น 11.4 พันล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวม (ROA) ที่ 0.9% ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ที่สูงขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ (เพิ่มขึ้น 11% จากสิ้นเดือนกันยายน 2552) ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารปรับตัวลดลงเป็น 81.8 พันล้านบาท หรือ 7% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 (85.5 พันล้านบาท หรือ 8% ณ สิ้นปี 2552) แต่อย่างไรก็ตามสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าธนาคารอื่น ความสามารถในการระดมเงินทุนและสภาพคล่องของ KTB ยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ในขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ 9.5% และ 15.2% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ