“กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” เปิดจอง ถึง 17 ธ.ค. นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 7, 2010 13:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” เปิดจอง ถึง 17 ธ.ค. นี้ เผยยอดจองสถาบันล้น 2.05 เท่า — รับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำ 381 ล้านบาทต่อปี กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี กำหนดเปิดเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 7 - 17 ธันวาคมนี้ มูลค่าหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท พร้อมแต่งตั้งบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน คาดผลตอบแทนที่เกิดจากการรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำ 4 ปีแรกที่ไม่น้อยกว่า 381 ล้านบาทต่อปี ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สามารถเทียบเคียงได้กับอัตราผลตอบแทนผสมระหว่าง Freehold และ Leasehold ของกองทุนรวมอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจจุดเด่นด้านทรัพย์สินที่ลงทุนใน 3 โรงแรมหรู ใน 3 ทำเลที่มีศักยภาพ ด้วยโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ เผยกระแสตอบรับน่าพอใจ หลังเดินสายโรดโชว์ทั่วประเทศ ในขณะที่นักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจผ่านยอดจอง ที่สูงกว่าปริมาณที่จัดสรรให้ถึง 2.05 เท่า ในอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์อื่น พร้อมจัดโปรโมชั่น จองซื้อตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับบัตร DTCPF Prestige พร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อใช้สิทธิในการสำรองห้องพักด้วยอัตราพิเศษ รวมทั้ง สิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล 22 แห่งทั้งในและต่างประเทศ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้รับประกันการ จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปีในโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน รวมมูลค่ากองทุนประมาณ 4,094 ล้านบาท โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 7-17 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ในราคาหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท สำหรับผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) ได้แก่ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ยังได้แต่งตั้งตัวแทนสนับสนุนการขาย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อจำหน่ายหน่วยลงทุนผ่านสาขาธนาคาร ทั่วประเทศอีกด้วย นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนดังกล่าวจะเข้าลงทุน โดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตราและอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งลงทุนใน สิทธิการเช่า (Leasehold) เป็นระยะเวลา 30 ปี ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม และ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตรา และอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน โดยสัดส่วนการลงทุนในกองทุนนี้เป็น Freehold กว่า 75% ทั้งนี้ กองทุน DTCPF นับเป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมกองทุนแรกที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายโรงแรม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ขนาดของกองทุนกว่า 4 พันล้านบาท ยังนับได้ว่า เป็นกองทุนประเภทโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผู้เช่าคือ บริษัท ดุสิต แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) ถือหุ้น 99.99% จะเช่าทั้ง 3 โรงแรมจากกองทุน ด้วยค่าเช่าคงที่และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุน ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” กล่าวว่า จุดเด่นของกองทุน นอกจากจะขึ้นอยู่กับศักยภาพของทรัพย์สินที่เข้าลงทุนแล้ว ทาง DTC ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน ยังรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำรายปีของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง สำหรับระยะเวลา 4 ปีแรกที่ไม่น้อยกว่า 381 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับขนาดกองทุน 4,094 ล้านบาท อย่างไรก็ดีหากนักลงทุนจะพิจารณาผลตอบแทนที่แท้จริงของกองทุนรวม DTCPF ที่นักลงทุนจะได้รับ ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกองทุน ค่าใช้จ่ายของกองทุน และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของโรงแรม (Renovation) ทั้งนี้ DTC จะวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในวงเงินค้ำประกันจำนวน 125 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่นักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ โดยกองทุนรวมคาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี ขณะที่นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอและอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาเสียงตอบรับจากนักลงทุน หลังจากการเดินทางไปให้ข้อมูลรายละเอียดของกองทุนตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต รวมทั้งในกรุงเทพฯ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจโรงแรม นายสิทธิไชย มหาคุณ Head of Corporate Finance & Equity Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบีไทย (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกล่าวว่า เชื่อมั่นว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย ด้วยจุดเด่นของกองทุน ที่บริหารจัดการอย่างมืออาชีพโดย ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล และศักยภาพด้านทำเล ผนวกกับโอกาสในการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ทาง บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึง บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้จัดการกองทุน มีความพร้อมในการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ สำหรับการเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี จำนวน 4,094 ล้านบาทนั้น บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) จะเข้าร่วมถือหน่วยลงทุนในกองทุนประมาณร้อยละ 30 ส่วนที่เหลือจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางกองทุนรวมได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนสถาบัน และกองทุนรวมอื่นๆ เป็นอย่างดี ดยมีผลลัพธ์จากการสำรวจความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding process) สูงกว่าปริมาณหน่วยลงทุนที่จัดสรร ให้นักลงทุนสถาบันถึง 2.05 เท่า ในอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์อื่น ซึ่งโดยเฉลี่ยกองทุนแบบ Freehold จะให้ผลตอบแทนในอัตราประมาณร้อยละ 7 ในขณะที่กองทุนแบบ Leasehold จะให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 9 (ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนทรัพย์สินของ DTCPF ระหว่าง Freehold และ Leasehold ที่ประมาณ ร้อยละ 76 และ ร้อยละ 24 ผลตอบแทนจากการลงทุน DTCPF จึงน่าจะใกล้เคียงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์อื่นดังกล่าวแต่ด้วยขนาดของกองทุนที่ใหญ่เพียงพอ น่าจะทำให้สภาพคล่องของการซื้อขายดีกว่ากองทุนขนาดเล็กกว่า ดังนั้น ผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนจึงมีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับ ที่ดีจากนักลงทุนรายย่อยที่จะเปิดจองในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) ยังจัดแคมเปญพิเศษ โดยผู้ที่ลงทุนในกองทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับบัตร DTCPF Prestige Card เพื่อรับสิทธิพิเศษจากโรงแรมในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล โดยจะได้รับส่วนลด 10% สำหรับห้องพักจากราคา ดุสิต เบสท์เรท (Dusit Best Rate) และ ส่วนลด 15% สำหรับห้องอาหารที่ร่วมรายการ ที่โรงแรมและรีสอร์ท 22 แห่งในเครือดุสิต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมรับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการเข้าพัก ร้านอาหารที่ร่วมรายการ และบริการอื่นๆ จากโรงแรมในเครือ สำหรับผู้สนใจลงทุนใน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อระหว่าง วันที่ 7 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2670-4900 บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) โทร. 0-2658-6300 และ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) หรือธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย โทร.0-2626-7777

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ