กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์
โชว์ความสำเร็จด้วยทีวีฝังเพชรเครื่องแรกเครื่องเดียวของโลก สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จการสร้างยอดผลิต Philips Ambilight TV ครบ 1 ล้านเครื่อง ให้คนไทยชื่นชม ก่อนเดินทางไปโชว์ตัวรอบโลก
บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ โดยคุณสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป ประกาศความเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แห่งความบันเทิง ภายใต้แนวคิด Best Entertainment Solution ภายในงานแถลงข่าว ณ โรงแรมแชงกรีล่า โดยฟิลิปส์ชูสุดยอดเทคโนโลยีด้านภาพ Perfect Pixel HD Engine และเทคโนโลยีด้านเสียงขั้นสูง Ambisound พร้อมนำทัพผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์อีกกว่า 60 รุ่น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม รุกตลาดในครึ่งปีหลังปี 2550 พร้อมโชว์ทีวีฝังเพชรฟิลิปส์ สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จการสร้างยอดผลิต Philips Ambilight TV ครบ 1 ล้านเครื่อง
คุณสมชัย กล่าวว่า “ฟิลิปส์ ต้องการเป็น Best Entertainment Solution provider ให้กับผู้บริโภคไทยเมื่อต้องการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ทั้งในหมวดภาพและเสียงเป็นแบรนด์แรก ดังนั้นฟิลิปส์ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค วันนี้จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้ามายกระดับประสบการณ์ด้านความบันเทิงของผู้บริโภคด้วยการออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการ (Design Around You) ใช้งานง่าย (Easy to Experience) และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Advance) ที่สามารถเข้ามาปลดปล่อยผู้บริโภคให้เป็นอิสระจากข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่เคยมีอย่างไม่มีใครเทียบได้ ทำให้ได้รับประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น ฟิลิปส์เชื่อมั่นว่าสิ่งที่นำเสนอจะทำให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นตรงกับคำมั่นสัญญาแบรนด์ “sense and simplicity””
ฟิลิปส์นำผลิตภัณฑ์ในหมวดภาพและเสียงกว่า 60 รุ่น รุกตลาดในครึ่งปีหลัง 2550 และคาดว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค โดยในกลุ่ม LCD TV ฟิลิปส์เน้นที่เทคโนโลยี Perfect Pixel HD Engine ที่มาพร้อมกับ LED Ambilight ในแอลซีดี ทีวีขนาด 42 นิ้วและ 47 นิ้ว ในขณะที่สินค้าในกลุ่มโฮมเธียเตอร์ ฟิลิปส์เน้นที่เทคโนโลยีใหม่ Ambisound และสำหรับในกลุ่ม DVD Hi-Fi, DVD Micro Theatre และ DVD Mini Hi-Fi ฟิลิปส์เน้นที่เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ ที่ให้เสียงสมจริงดั่งธรรมชาติ นอกจากนี้ฟิลิปส์ยังดำเนินการทางการตลาดอย่างต่อเนื่องในสินค้าประเภทเครื่องเล่นดีวีดี เครื่องบันทึกดีวีดี เครื่องเล่น MP3 และ Docking Entertainment
ในหมวดภาพ ฟิลิปส์นำเสนอสินค้าภายใต้แนวคิด “The Art of Perfect Picture” เทคโนโลยีใหม่ที่ฟิลิปส์นำเสนอในหมวดภาพคือ Perfect Pixel HD Engine ในแอลซีดีทีวีรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับแอลซีดี
ทีวีให้หมดไป เพราะเมื่อสัญญาณภาพถูกถ่ายทอดเข้าสู่ระบบ Perfect Pixel HD Engine จะถูกปรับให้เหมาะสมกับความละเอียดของจอภาพทันที โดยไม่มีการแปลงสัญญาณจากดิจิตอลเป็นอนาล็อคแล้วแปลงเป็นดิจิตอลอีกครั้งเหมือนเทคโนโลยีอื่นๆทั่วไป และด้วยระบบ 100Hz Clear LCD ที่ให้ค่าการตอบสนองภาพ (Response time) ต่ำสุดเพียง 3 มิลลิวินาที สามารถขจัดอาการสั่นไหว พร่ามัว ซึ่งเป็นจุดอ่อนของแอลซีดี ทีวี ทั่วไปได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งสามารถให้สีสันของภาพได้มากถึง 4.4 ล้านๆเม็ดสี ด้วยวงจรสัญญาณภาพแบบ 14 Bit และแสดงภาพบนจอด้วยระบบ Full High Definition 1080p จึงทำให้ภาพจาก LCD TV ของฟิลิปส์สมบูรณ์สูงสุดในท้องตลาดปัจจุบัน เทคโนโลยี Perfect Pixel HD Engine การันตีด้วยรางวัล EISA Award 2007-2008 จากสมาคมภาพและเสียงยุโรป (European Imaging and Sound Association) จากงาน IFA 2007 ณ ประเทศเยอรมัน และ รางวัล Best Picture of the Year จากงาน CES 2007 ณ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าฟิลิปส์เป็น LCD TV Solution provider อย่างแท้จริง
ฟิลิปส์เปิดตัวแอลซีดีทีวีทั้งสิ้น 9 รุ่น ตั้งแต่ 32 นิ้ว ถึง 52 นิ้ว ที่มาพร้อมกับการแสดงผลภาพรับ Full HD โดยสินค้าไฮไลท์ที่ฟิลิปส์จะแนะนำเทคโนโลยี Perfect Pixel HD Engine และ LED Ambilight คือ แอลซีดีทีวี ขนาด 47 นิ้ว รุ่น 47PFL9532 และขนาด 42 นิ้ว 42PFL9532
“ฟิลิปส์จะมุ่งเน้นการทำตลาดในกลุ่มแอลซีดีทีวีระดับพรีเมี่ยมให้มากยิ่งขึ้น เพราะผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีแอลซีดีทีวีและต้องการเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าแอลซีดีทีวีที่มีขนาดตั้งแต่42 นิ้ว ขึ้นไปจะเป็นที่นิยม” คุณสมชัยกล่าว
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดแอลซีดีทีวีระดับพรีเมี่ยมในโลก ฟิลิปส์นำผลงานระดับมาสเตอร์พีส “โทรทัศน์ฟิลิปส์ฝังเพชร” (Philips Diamond TV) เครื่องแรกและเครื่องเดียวของโลกประดับด้วยเพชรน้ำหนัก 225 กะรัต จำนวน 2,250 เม็ดจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับชั้นนำในมหานครนิวยอร์ก A. Link ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการผลิตโทรทัศน์จอบางฟิลิปส์ระบบ Ambilight ครบ 1 ล้านเครื่องเมื่อปี 2549 มาจัดแสดงในประเทศไทยให้ผู้บริโภคทั่วไปได้สัมผัสกับโทรทัศน์ฝังเพชรนี้ ณ Power Buy ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม และ Power Mall ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีนางแบบชื่อดังคุณซารา มาลากุล เลน ให้เกียรติเข้าร่วมในการจัดงานครั้งนี้ด้วย
โทรทัศน์ฝังเพชรนี้ถูกเผยโฉมครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2550 ณ งาน CES 2007 ณ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการยอมรับถึงคุณสมบัติและประสิทธิภาพของแอลซีดีทีวีฟิลิปส์เทคโนโลยี Ambilight หลังจากที่ ฟิลิปส์ได้แนะนำเทคโนโลยีนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2547
นอกจากนี้ในกลุ่มหมวดภาพ ฟิลิปส์ยังจำหน่ายกลุ่มโทรทัศน์แบบจอแก้ว (CRT) อีก 6 รุ่น ขนาด 21-29 นิ้ว
ในหมวดเครื่องเสียง “The Art of Pure Sound” ฟิลิปส์วางจำหน่ายชุดโฮมเธียเตอร์ทั้งสิ้น 7 รุ่น โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่ฟิลิปส์ภูมิใจเสนอคือ ชุดโฮมเธียร์เตอร์ใหม่ Ambisound HTS8100 และ HTS6600 ให้เสียงเซอร์ราวนด์ แบบ 5.1 channel และ subwoofer เพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้นแต่ผู้ฟังจะสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์แบบของเสียงเซอร์ราวนด์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่มุมใดของห้องก็ตาม และไม่ว่ารูปแบบของห้องจะเป็นอย่างไร Philips HTS8100 ได้รับรางวัล Design and Engineering Showcase Honor จาก CES Award ประจำปี 2007 และได้รับรางวัล EISA Award สาขา Best Product of the year 2007-2008 จากงาน IFA 2007 ณ ประเทศเยอรมัน
นอกจากนี้ฟิลิปส์ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของเครื่องเล่นภาพและเสียงแบบ DVD Hi-Fi, DVD Micro Theatre และ DVD Mini Hi-Fi ทั้งสิ้น 14 รุ่น โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ในกลุ่มนี้คือ ชุดเครื่องเสียง DVD Hi-Fi MCD 908 ที่มาพร้อมกับแอมป์หลอด ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi ซึ่งปรกติจะพบแต่ในเครื่องเสียงระดับสุดยอดเท่านั้น พร้อมภาคขยายเสียงแบบ Digital Class D และลำโพงทวีตเตอร์ ให้รายละเอียดของเสียงคมชัด สมจริง
ผลิตภัณฑ์ DVD Micro Theatre ที่ฟิลิปส์ได้นำเสนอในรูปแบบใหม่ Small and Smart ดีไซน์สำหรับแขวนผนังได้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย สามารถจัดวางควบคู่กับแอลซีดีทีวีได้อย่างลงตัวเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การชมภาพและเสียงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ฟิลิปส์คือผู้นำแห่งผลิตภัณฑ์เครื่องเล่นดีวีดีและเครื่องบันทึกดีวีดี เพราะฟิลิปส์เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวสำหรับเครื่องเล่นดีวีดีที่รับประกัน ‘เล่นแผ่นไหนไม่ได้ คืนเงินทันที” สำหรับแผ่นดีวีดี (King of Playability) ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพของเครื่องเล่นดีวีดีฟิลิปส์ และในเครื่องเล่นดีวีดีรุ่นใหม่ยังเพิ่มฟังก์ชั่นระบบ Karaoke Scoring การแสดงผลคะแนนการร้องเพลงคาราโอเกะ เพื่อสร้างความสนุกสนานและบันเทิงสูงสุดให้กับคุณและครอบครัว และผลิตภัณฑ์เครื่องบันทึกดีวีดีฟิลิปส์ สามารถบันทึกได้ทุกฟอร์แมท ไม่ว่าจะเป็น DVD+/-RW และ DVD+/-R พร้อมฟังก์ชั่น Pause Live TV (สำหรับเครื่องบันทึกดีวีดีที่มีฮาร์ดดิสก์ในตัว) สามารถหยุดภาพชั่วคราวขณะชมรายการ และหน่วยความจำสำรองในเครื่อง (Time Shift Buffer) เอกสิทธิ์เฉพาะของฟิลิปส์ จะสำรองภาพจากรายการทำให้คุณย้อนกลับไปชมรายการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่พลาดโอกาสการชมวินาทีสำคัญเลย จนทำให้ฟิลิปส์สามารถสร้างยอดขายสูงสุดเมื่อปี 2549 จาก บริษัท จีเอฟเค มาร์เก็ตติ้งเซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยการตลาดชั้นนำระดับโลก ในปี 2550 นี้ ฟิลิปส์ได้วางจำหน่ายเครื่องเล่นดีวีดีทั้งสิ้น 6 รุ่น เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา 4 และ เครื่องบันทึกดีวีดี 2 รุ่น
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องเล่น Philips MP3 ที่วางจำหน่ายแล้ว 9 รุ่น มีขนาดหน่วยความจำตั้งแต่ 1 - 4 กิกะไบต์ ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงในทุกการเคลื่อนไหว และอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Docking Entertainment เครื่องเล่นภาพและเสียงที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น Philips MP3 หรือเครื่องเล่น ipod เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการประการณ์อย่างไรขีดจำกัด ซึ่งฟิลิปส์มีการวางจำหน่าย 5 รุ่น
คุณสมชัยกล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดในครึ่งปีหลัง 2550 นี้ ฟิลิปส์ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ Consumer Experience Marketing เพราะจากผลการสำรวจพบว่า 86 เปอร์เซ็นต์ ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า ณ จุดขายหลังจากได้สัมผัสกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์แล้ว ดังนั้นฟิลิปส์จะมุ่งเน้นการทำกิจกรรมภายใต้โปรแกรม Total Store Management Program ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ฟิลิปส์ใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่ขาย รวมถึงการตกแต่งพื้นที่จัดวางสินค้า การจัดวางสินค้า ความรู้ความสามารถและทักษะพนักงานขาย การบริหารการขายออก และ
การรายงานข้อมูลการขายและความคืบหน้าในตลาด ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในร้านค้าทั่วประเทศ (in-store promotion campaign) เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขาย
นอกจากนี้ ฟิลิปส์ยังมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพร้านค้าให้ก้าวสู่ความเป็น Hi-End specialist มากยิ่งขึ้นโดย ฟิลิปส์มีแผนที่จะทำการตลาดร่วมกับ 50 ร้านค้าทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองหลักต่างจังหวัดในการจัดร้านค้าภายใต้รูปแบบ “Premier Lifestyle Solution” เพื่อให้ร้านค้าสามารถตกแต่งร้านให้ผู้บริโภคสัมผัสและมีประสบการณ์กับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ทั้งในหมวดภาพและเสียง เพราะจากการวิจัยพบว่าผู้บริโภคมีเวลาสั้นลงในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ฟิลิปส์จะมีโซลูชั่นครบทั้งภาพและเสียงให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ครบชุดตอบสนองตรงต่อความต้องการได้มากที่สุด”
ฟิลิปส์จึงแบ่งกลุ่มสินค้าทั้งในหมวดภาพและเสียง ให้ผู้บริโภคได้เลือกสินค้าได้ตรงต่อไลฟ์สไตล์ของตนเองได้มากที่สุด โดยจัดแสดงในพื้นที่ขาย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Luxury Style เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงสุด กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม Premium Style เป็นกลุ่มผู้บริโภคทำงานมีรายได้และรสนิยมดี และกลุ่ม Trendy Art คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่งเริ่มทำงานและนักศึกษา
คุณสมชัยกล่าวว่าสำหรับเป้าหมายของฟิลิปส์ในปี 2550 นี้ ฟิลิปส์จะยังคงครองความเป็นอันดับ 1 ในการสร้างยอดจำหน่ายเครื่องเล่นดีวีดีและเครื่องบันทึกดีวีดี จะรักษาตำแหน่ง 1 ใน 3 ของแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในตลาดแอลซีดีทีวีในประเทศไทย
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net