การสนับสนุนจากภาครัฐกับอันดับเครดิตของรัฐวิสาหกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 14, 2010 14:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สถาบันจัดอันดับเครดิตของไทย กล่าววันนี้ว่า แม้ว่ารัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จะมีแนวโน้มส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีการบริหารงานที่เป็นอิสระและเผชิญกับความเสี่ยงทางการตลาดอย่างเสรียิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจและลดการพึ่งพารัฐบาลและงบประมาณของประเทศลง อย่างไรก็ตาม ในการจัดอันดับเครดิตให้แก่รัฐวิสาหกิจนั้น ระดับของการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มีต่อรัฐวิสาหกิจก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการให้อันดับเครดิตแก่รัฐวิสาหกิจ โดยทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐวิสาหกิจ (หรือที่สถาบันจัดอันดับเครดิตเรียกรวมกันว่าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ Government Related Entities หรือ GRE) มักจะได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับสูงกว่าระดับที่องค์กรอาจจะได้รับในกรณีที่พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ขององค์กรเองเป็นการเฉพาะ (Stand-alone Rating) “และเมื่อนำระดับการสนับสนุนจากภาครัฐในช่วงที่ GRE เกิดวิกฤติมาพิจารณาประกอบด้วยแล้วก็อาจทำให้อันดับเครดิตของ GRE ที่ประกาศต่อสาธารณะปรับขึ้นได้มากถึง 1-2 ขั้น จากอันดับเครดิตขององค์กรเอง เช่น จาก “B” เป็น “AA”…..” ทริสเรทติ้งกล่าวถึงข้อความตามที่ระบุไว้ในบทความที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับเครดิตสากล Standard and Poor’s เมื่อปี 2552 ทริสเรทติ้งกล่าวอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่สถาบันจัดอันดับเครดิตพิจารณาเพื่อจัดอันดับเครดิต GRE อาจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 การพิจารณาปัจจัยเพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของ GRE นั้น ๆ โดยลำพัง โดยยังไม่นับรวมการสนับสนุนจากรัฐบาลในช่วงคับขัน ซึ่งปัจจัยที่พิจารณาในขั้นตอนนี้ประกอบด้วย การพิจารณาความเสี่ยงเชิงธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ความสามารถของคณะผู้บริหาร และความแข็งแกร่งทางการเงิน กลุ่มที่ 2 การพิจารณาปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาล ซึ่งสถาบันจัดอันดับเครดิตสากลอาจใช้อันดับเครดิตประเทศ (Sovereign Credit Rating) ประกอบการพิจารณาก็ได้ กลุ่มสุดท้าย ได้แก่ การประเมินระดับความเต็มใจของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือ GRE ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน ความช่วยเหลือที่รัฐบาลสามารถให้แก่ GRE ในช่วงวิกฤตอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การรับประกันการชำระหนี้ของ GRE การจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ให้ หรือการปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ GRE เป็นต้น การสนับสนุนดังกล่าวนี้เป็นการสนับสนุนในกรณีพิเศษที่นอกเหนือจากการสนับสนุนเป็นการทั่วไปที่รัฐบาลให้แก่ GRE อยู่แล้ว การสนับสนุนจากรัฐบาลในกรณีพิเศษดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถาบันจัดอันดับเครดิตพิจารณาว่าจะทำให้ความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ของ GRE ลดลง และทำให้อันดับเครดิตของ GRE ปรับเพิ่มขึ้น ปัจจัยที่สะท้อนระดับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อ GRE ใดใดอาจพิจารณาได้จากสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลใน GRE นั้น ๆ หรือความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ GRE ต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนบทบาทของ GRE ในภาคการส่งออก การพลังงาน หรือมีการจ้างงานจำนวนมาก รวมทั้งอาจมีการระบุในกฎหมายเกี่ยวกับการสนับสนุนที่ GRE นั้น ๆ จะได้รับจากรัฐบาล เป็นต้น อันดับเครดิตสุดท้ายที่ GRE ได้รับ (Final Rating) จะพิจารณาจากปัจจัยทั้ง 3 กลุ่มร่วมกันเพื่อกำหนดอันดับเครดิต ซึ่งจะอยู่ในระหว่างอันดับเครดิตของ GRE ที่อาจจะได้รับในกรณีไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ (X) และสูงสุดไม่เกินอันดับเครดิตของรัฐบาล (Y) จากข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า ในกรณีที่ระดับการสนับสนุนจากรัฐบาลลดลง อันดับเครดิตของ GRE ที่ประกาศต่อสาธารณะก็อาจจะลดลงด้วยในระยะสั้นจากปัจจัยการสนับสนุนที่หายไป แม้ว่าในระยะยาวการลดการแทรกแซงจากรัฐบาลอาจก่อให้เกิดผลดีต่อ GRE นั้น ๆ การลดระดับของการสนับสนุนจากรัฐบาลอาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นโดยรัฐบาลลง การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล ประเด็นด้านการเมือง รวมทั้งความสามารถของรัฐบาลในการสนับสนุนที่อาจลดลงจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ เป็นต้น ทริสเรทติ้งกล่าวถึงตัวอย่างของผลกระทบจากการลดระดับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ทำให้อันดับเครดิตของ GRE ถูกปรับลดลงในทันที หรือที่เรียกกันว่า “การตกหน้าผาของอันดับเครดิต” หรือ Credit Cliff ได้แก่กรณีของรัฐดูไบในปี 2552 เมื่อ Standard and Poor’s ลดอันดับเครดิต GRE ของรัฐดูไบลงจากระดับการสนับสนุนที่ลดลง ตัวอย่าง GRE ของรัฐดูไบที่ถูกลดอันดับเครดิตลง เช่น DIFC Investment LLC. (จาก “A/Negative” เป็น “BBB-/Watch Negative”) Dubai Holding Commercial Operations Group (จาก “A/Watch Negative” เป็น “BBB+/Watch Negative”) และ DP World Ltd. (จาก “BBB+/Negative” เป็น “BBB-/Watch Negative”) เป็นต้น ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่รัฐวิสาหกิจไทย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (AA/Stable) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (AAA/Stable) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (A+/Stable) และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (A/Stable)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ