กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--เซ็นทรัล รีเทล
ปี 2549 ถือเป็นปีที่ผู้ประกอบการแต่ละธุรกิจต้องประสบกับปัญหาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 ทั้งราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น บวกกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง จึงส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวและผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น สำหรับกลยุทธ์การตลาดของโฮมเวิร์ค ได้มีการปรับแผนเพื่อรับกับสถานการณ์ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการซื้อตลอดทั้งปี และเพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุนเพื่อขยายสาขา เป็นผลให้บริษัทประสบความสำเร็จและมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
1) ผลประกอบการในปี 2549 บริษัทมีอัตราการเติบโต(Growth) เพิ่มขึ้น 40 % มียอดขายทั้งสิ้น 1,750 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัทในปี 2549 เกิดจาก
ยอดขายจากสาขาเดิมที่เติบโตขึ้น 10-15 % อันเนื่องมาจากการปรับปรุง(Renovate) หน้าร้าน การปรับปรุงด้านบริการรวมถึงด้านซัพพลายเชน (Supply Chain) ที่ทำอย่างต่อเนื่องทำให้สาขาเดิมยังมีศักยภาพในการแข่งขัน
การจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป มหกรรมสินค้าเพื่อคนรักบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าครั้งแรก เมื่อปลายเดือนสิงหาคม สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 220 ล้าน จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งการจัดงานดังกล่าวนอกจากบริษัทจะประสบความสำเร็จจากยอดขายแล้ว ยังส่งผลให้ลูกค้ารู้จัก แบรนด์โฮมเวิร์คมากยิ่งขึ้น
การเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา คือ สาขาเพชรเกษมเมื่อเดือนมกราคม มีพื้นที่ 1 หมื่นตารางเมตร และ สาขาพัทยาใต้ในเดือนกันยายน มีพื้นที่ร้าน 34,000 ตารางเมตร ด้วยโลเกชั่นที่เหมาะสม แวดล้อมด้วยลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และเป็นร้านรูปแบบสแตนด์อโลนรายแรกซึ่งเป็นตลาดที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง ทำให้ทั้ง 2 สาขาสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมาก
- การจัดรายการส่งเสริมการขายที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า (Benefit) ให้กับลูกค้า เช่น การสะสมยอดซื้อเพื่อแลกรับของสมนาคุณ การจัดโปรโมชั่นร่วมกันกับบัตรเครดิต พร้อมทั้งมีการขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านและกลุ่มช่างผู้รับเหมา
- การจัดงานอีเว้นท์ทั้งในและนอกสโตร์( Sale Event) ซึ่งสร้างยอดขายได้ดีและเพิ่มการรับรู้ให้กับลูกค้าได้รู้จักโฮมเวิร์คมากขึ้น ตลอดปี 2549 ถึงแม้สภาวะการณ์ภายนอกจะไม่ปกติ แต่ในแง่การดำเนินธุรกิจจากอัตราการ เติบโตที่เพิ่มขึ้น 40 % ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นผลจากการดำเนินธุรกิจที่มีแผนรองรับและการปรับตัวให้ทันสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
2) ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2550 บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าและตั้งอยู่บน รากฐานที่แข็งแรง มั่นคง โดยปี 2550 ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 48 % มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 10 % สำหรับเหตุผลที่บริษัทตั้งเป้าการเติบโตสูง เนื่องจากมั่นใจในแผนธุรกิจ ทั้งด้านการบริการ การบริหารการขาย การบริหารสินค้าและกลยุทธ์การตลาดที่จะสามารถเข้าถึง ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง พร้อมทั้งศักยภาพของสาขาเดิมที่ยังรองรับดีมานด์ของลูกค้าครบทุกโซนของกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี
ปัจจัยการเติบโตของธุรกิจในปี 2550 เกิดจาก
- ศักยภาพของสาขาเดิมมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มปี 2550 เพียง 2 เดือนแรก (ม.ค. — ก.พ. ) มีอัตราการเติบโตโดยรวมถึง 10 % เฉพาะสาขาเพชรเกษมเติบโตขึ้นถึง 50 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
- การขยายสาขาใหม่ ในปี 2550 — 2552 บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายสาขาใน 3 ปีข้างหน้าให้ได้ 6-8 สาขา เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อยุธยา บางใหญ่ รามอินทรา บางนา และสมุทรปราการ โดยเตรียมงบลงทุนต่อสาขา ประมาณ 500 — 800 ล้านบาท และที่สำคัญโลเกชั่นของสาขาใหม่จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสาขาเก่าหรือแย่งตลาดกันเอง และในสิ้นปี 2550 คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาใหม่ได้ 2 สาขา
- กลยุทธ์ด้านการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าอย่างแท้จริง ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกจากลูกค้าบัตรเดอะวันการ์ดถึง 1.3 ล้านราย และเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้ากับโฮมเวิร์ค 1.3 แสนราย จึงมีช่องทางที่บริษัทจะสามารถทำไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง (Direct Marketing) ได้อีกมากโดยใช้ Database จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าว นอกจากนั้นการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง เช่น การสะสมยอดซื้อ หรือโปรโมชั่นพิเศษกับสินค้าชิ้นใหญ่ ได้แก่ สินค้าในกลุ่มห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน เพื่อสร้าง Big Ticket มูลค่า 10,000 บาทขึ้นไป
ความสำเร็จของการจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16-25 ก.พ. ที่ผ่านมา
บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 50 % เทียบจากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา ตลอดทั้ง 10 วัน มียอดขายรวม 320 ล้านบาท โดยการจัดงานดังกล่าวไม่กระทบกับยอดขายของสาขาโฮมเวิร์คเอง
งานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 2 ถือได้ว่าเป็นมหกรรมสินค้าเพื่อบ้านงานแรกของปี 2550 และได้รับปัจจัยบวกจากเทศกาลตรุษจีน ซึ่งผู้บริโภคมีการจับจ่ายกันมากขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา อีกครั้ง และจากการสอบถามข้อมูลจากลูกค้าพบว่ากว่า 40 % เป็นลูกค้าที่เคยมาซื้อสินค้าในงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 1 และกว่า 80 % เป็นเจ้าของบ้าน โดยเหตุผลในการมาซื้อสินค้าด้วยมั่นใจว่างานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป เป็นมหกรรมลดราคาสินค้าเพื่อบ้านที่คุ้มค่าที่สุด และสิ่งที่ชี้วัดถึงความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อการจัดงานดังกล่าว คือ
1) ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า สินค้าที่ราคาถูก โปรโมชั่นที่ดีที่สุด ซึ่งลูกค้าได้เปรียบเทียบแล้วว่าไม่เคยได้รับจากงานไหนมาก่อน
2) มีลูกค้ารายใหญ่ที่มียอดซื้อรวมสูงเกิน 1 ล้านบาทหลายสิบราย
3) มีการขอเพิ่มวงเงินพิเศษกับบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากเพื่อต้องการซื้อสินค้าในงาน
จากความสำเร็จของงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ทั้ง 2 ครั้ง สามารถยืนยันได้ว่าลูกค้ารับรู้ถึงการเป็นงานมหกรรมลดราคาสินค้าเพื่อบ้านที่ดีที่สุดแห่งปี และเป็นงานเดียวที่ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอที่พิเศษสุด
นอกจากนั้นนโยบายในด้านอื่น ๆ ที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ได้แก่ ด้านการจัดการซึ่งในปี 2550 จะมีการปรับปรุงสาขาเดิมอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาบุคลากรโดยมีทีมบริการที่เป็น มืออาชีพ และเซอร์วิสที่จะสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้า การจัดการด้านซัพพลายเชน (Supply Chain) และระบบงานที่มีประสิทธิภาพ สำหรับการคัดเลือกและบริหารสินค้าบริษัทจะปรับ Range Assortment ในทุกแผนก โดยเพิ่มสินค้าราคาระดับกลางเพื่อรองรับลูกค้าบ้านที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท
3) มุมมองด้านเศรษฐกิจและผลกระทบต่อธุรกิจ Home Improvement ในปี 2550
ณ ปัจจุบันการปรับเปลี่ยนทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มองว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม — เมษายน ลูกค้าจะชะลอการจับจ่ายไปก่อนเพราะขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคจนสามารถกระตุ้นการจับจ่ายได้ สำหรับบริษัทคงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงหลังสงกรานต์อีกครั้งจึงจะสามารถประเมินได้ ซึ่งวางแผนจะจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โปอีกครั้ง ประมาณไตรมาศที่ 3
โดยภาพรวมแล้วสถานการณ์ตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2550 คงไม่แตกต่างจากปี 2549 เมื่อมองจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีการเติบโตถึงแม้จะไม่หวือหวามากนัก จากภาวะอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะเสริมให้ลูกค้าเกิดแรงจูงใจและมีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีปัจจัยจากความต้องการที่อยู่อาศัยพื้นฐานซึ่งเป็นตลาดกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และแรงสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐเกี่ยวกับระบบ ขนส่งมวลชน ซึ่งขณะนี้ยังรอผลการตัดสินของรัฐบาล แต่ก็ทำให้ตลาดคอนโดมีเนียมเติบโตขึ้นอย่างเห็น ได้ชัดและยังส่งผลถึงตลาดบ้านเดี่ยวที่เริ่มสร้างโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้า บริษัทจึงคาดหวังว่าการดำเนินธุรกิจในปี 2550 แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงแต่บริษัทก็จะสามารถสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ฝ่ายสื่อสารการตลาด โฮมเวิร์ค คุณปาริฉัตร (ปา) แสงแก้ว โทร. 0-2206-9300 ต่อ 4613 , 08-9503-3280
ฝ่ายสื่อสารองค์กร เซ็นทรัล รีเทล คุณประภาพร (น้องเล็ก) นามวงศ์ โทร. 0-2309-5000 ต่อ 5235 .08-1566-8567