กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ตลท.
สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update ไตรมาส 3/2553 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 150.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.25 จากไตรมาส 3/2552 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.60 จากไตรมาส 2/2553 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากเงินลงทุน อย่างไรก็ดี กำไรจากการดำเนินงานเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวในบางอุตสาหกรรม ขณะที่เครื่องชี้ทางการเงินยังสะท้อนความเข้มแข็งทั้งด้านฐานะทางการเงินและสภาพคล่อง สำหรับในด้านการระดมทุนยังมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจและภาวะตลาดทุนที่เอื้ออำนวย
ในไตรมาส 3/2553 บริษัทจดทะเบียนมีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,805.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.72% จากไตรมาส 3/2552 ขณะที่ประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนปรับลดลงเล็กน้อย โดยมีสัดส่วนของต้นทุนต่อรายได้ที่ 91.43% เพิ่มขึ้นจาก 90.49%
ในไตรมาส 3/2552 ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรจากการดำเนินงาน 154.72 พันล้านบาท ลดลง 3.85% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเฉพาะในเรื่องผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลกำไรจากเงินลงทุนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิ 150.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.25% จากไตรมาส 3/2552 โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ 7.76% เทียบกับ 6.56% ในไตรมาส 3/2552
นอกจากนี้ พบว่าในไตรมาส 3/2553 จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรมีการกระจายตัวมากขึ้น สะท้อนจากจำนวนบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิเป็นบวกมีจำนวนถึง 401 บริษัท จากทั้งหมด 506 บริษัท คิดเป็น 79.25% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2552 ที่ 78.78% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2553 ที่ 78.64 %
ด้านดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมกลุ่มการเงิน) ในไตรมาส 3/2553 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2552 สอดคล้องกับทิศทางของผลประกอบการที่ปรับสูงขึ้น โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 4.00% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ (ROA) 1.80% ขณะที่มีฐานะทางการเงินอยู่ในเกณฑ์มั่นคง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1.15 เท่า ลดลงจาก 1.18 เท่าในไตรมาส 3/2552 และมีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) อยู่ที่ 8.46 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 6.36 เท่าในไตรมาส 3/2552
ด้านการลงทุนของบริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมกลุ่มการเงิน) สัดส่วนบริษัทจดทะเบียนที่ลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรปรับลดลงเล็กน้อย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 80.48% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ลดลงจาก 81.17% ในไตรมาส 3/2552 โดยมูลค่าการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรในไตรมาส 3/2553 อยู่ที่ 82.65 พันล้านบาท ลดลง 17.81% จากไตรมาส 3/2552 ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากมูลค่าการลงทุนในกลุ่มทรัพยากรปรับลดลง
ด้านการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่เอื้ออำนวยเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/2553 มีมูลค่าระดมทุนรวม 21.71 พันล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 97.40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2552 ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2553 มีการระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ 2 บริษัท และ 1 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวม 1.09 พันล้านบาท จาก บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) (OFM) บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (IFS) และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมอร์เคียว สมุย (MSPF) ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรองของ SET และ mai มูลค่ารวม 20.63 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
สำหรับการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2553 กับไตรมาส 2/2553 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีสัญญาณการชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ปัจจัยเฉพาะเรื่องผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลกำไรจากเงินลงทุนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 17.60% จากไตรมาส 2/2553 เช่นกัน และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนปรับดีขึ้นจากไตรมาส 2/2553
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222