กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ธนาคารออมสิน
รายงานข่าวจากนิตยสารดอกเบี้ย เปิดเผยว่า กองบรรณาธิการนิตยสารดอกเบี้ย และ หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ ได้ประกาศยกย่อง นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ให้ได้รับรางวัลเกียรติยศ นักการธนาคารแห่งปี 2553 หรือ Banker of the year 2010 จากในปีที่ผ่านมาเขาได้รับรางวัลเกียรติยศ นักการธนาคารแห่งปี 2552 หรือ Banker of the year 2009 มาแล้ว ซึ่งทำให้ นายเลอศักดิ์ ได้รับรางวัลในการเป็นผู้บริหารธนาคารยอดเยี่ยมติดต่อกัน 2 ปีซ้อน
สำหรับการตัดสินมอบรางวัลแก่ผู้อำนวยการธนาคารออมสินในครั้งนี้ มาจากการที่เขาทำงานอย่างหนักจนทำให้สถาบันการเงินเพื่อการออมของรัฐแห่งนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 14 กรกฎาคม 2551 จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 นับเป็นเวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง นายเลอศักดิ์ได้บริหารจนธนาคารออมสินเติบโตเกือบ 2 เท่าในทุกด้าน
โดยจาก ณ เดือนมิถุนายน 2551 ธนาคารออมสินมีสินทรัพย์เพียง 771,195 ล้านบาท เติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 808,660 ล้านบาท ในสิ้นปี 2551 และเป็น 1,080,226 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 ขณะที่ถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 ธนาคารออมสินมีตัวเลขสินทรัพย์พุ่งสูงขึ้นเป็น 1,341,116 ล้านบาท
ด้านเงินฝากก็มีปริมาณเพิ่มสุทธิอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จาก ณ เดือนมิถุนายน 2551 ที่มียอดรวม 666,579 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 702,479 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 921,541 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 และเป็น 1,143,734 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553
ส่วนด้านสินเชื่อจาก ณ เดือนมิถุนายน 2551 ที่มียอดสินเชื่อคงค้าง 499,459 ล้านบาท มียอดเพิ่มขึ้นเป็น 548,413 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 2 แสนล้านบาทเป็น 781,497 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 และเกิน 1 ล้านล้านบาทเป็น 1,044,746 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553
จากผลการดำเนินงานทั้งหมดส่งผลให้ธนาคารออมสินมีกำไรสุทธิ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 จำนวนสูง 17,925 ล้านบาท และคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาทอย่างแน่นอนเมื่อถึงสิ้นปี 2553 เทียบกับสิ้นปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 15,948 ล้านบาท
ที่สำคัญ นายเลอศักดิ์ กำหนดให้ปี 2553 เป็น “ปีแห่งการดูแลคุณภาพสินทรัพย์” เพราะเขามองเห็นว่า การดูแลจัดการลูกหนี้ที่มีปัญหา ไม่เพียงทำให้ลูกหนี้สามารถกลับคืนสู่ระบบธุรกิจ สามารถกลับไปทำมาหากินได้เป็นปกติเท่านั้น ยังลดปัญหาหนี้เสียที่เป็นตัวถ่วงผลการดำเนินงานของธนาคารด้วยโดยทำงานจนดึกดื่นค่อนคืนร่วมกับพนักงานธนาคารออมสินในทุกภูมิภาค เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ด้วย สูตร “ตาราง 41 ช่อง 7 ตะกร้า” ที่เขาเป็นคนคิดค้นขึ้น จนทำให้ NPL จาก 2.22% ของสินเชื่อรวมในสิ้นปี 2552 ลดลงเหลือ 1.46% ในเดือนพฤศจิกายน 2553 และคาดว่าจะลดลงเหลือในระดับ 1.0% ในสิ้นปี 2553
สำหรับผลการดำเนินการที่โดดเด่นเกิดจากการที่ นายเลอศักดิ์ ได้ดำเนินการให้ธนาคารมี Core Banking System (CBS) ทั้งด้านเงินฝากและสินเชื่อ ซึ่งในส่วนของเงินฝากทำให้ธนาคารสามารถออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่จูงใจผู้ฝากเงินจนมียอดเงินฝากไหลเข้าถล่มทลาย เช่น สลากออมสินพิเศษ อายุ 5 ปี รุ่นแจกรถเบนซ์ 10 คัน ที่มียอดฝากถึง 2.25 แสนล้านบาท สลากออมสินพิเศษ อายุ 3 ปี จัดแคมเปญแจกรางวัล 3 ชนิดให้ผู้ถูกรางวัลเลือกได้ และเงินฝากประจำ 99 วัน ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 1.55% พร้อมร่วมทำกุศลเมื่อผู้ฝากฝากเงินทุก 50,000 บาท ธนาคารร่วมสมทบทันที 99 บาท เพื่อนำเงินไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งนอกจากผู้ฝากเงินจะได้ดอกเบี้ยสูงแล้วยังได้ทำบุญไปพร้อมกัน รวมทั้งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เงินฝากจากของเดิมที่มีอยู่แล้วอีกหลายตัว
ส่วนทางด้านสินเชื่อ การมี CBS ทำให้ขั้นตอนและเอกสารในการขอสินเชื่อของประชาชนลดลง ส่งผลทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของนายเลอศักดิ์ที่ต้องการให้ธนาคารออมสินเป็นสถาบันการเงินที่มั่นคงเพื่อการออม การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ขณะที่มีพันธกิจในการเป็น สถาบันเพื่อการออม เป็นสถาบันเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เป็นสถาบันเพื่อการลงทุนและการพัฒนา และเป็นสถาบันที่ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
ขณะที่บทบาทในการเป็นสถาบันที่ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งธนาคารออมสินได้ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการดำเนินงานในเชิงธุรกิจนั้น นายเลอศักดิ์ได้ตอกย้ำด้วยนโยบายทั้งในเชิงพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง ธนาคารโรงเรียน เพิ่มมากขึ้นปีละประมาณ 100 แห่งจากปัจจุบันที่มีจำนวน 463 แห่งทั่วประเทศ และดำเนินการต่อยอดด้วยการจัด กิจกรรมการแข่งขันกีฬา การประกวดดนตรีธนาคารโรงเรียน โดยมุ่งเน้นเรื่องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และเป็นทางช้างเผือกสู่สายอาชีพและสู่ระดับอุดมศึกษา สนับสนุน การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกและคณิตศาสตร์แก้ปัญหา จัดการประกวดโครงการ โรงเรียนและนักเรียนดีเด่นด้านคุณธรรมและจริยธรรม อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดโครงการในการดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น การทิ้งปะการังเทียม การปลูกป่าบนบก/ป่าชายเลน สร้างฝาย/สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ในหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศ เป็นต้น