กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--สคร.
นายกุลิศ สมบัติศิริ ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวภายหลังการเปิดงานสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ตามระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal: SEPA) ประจำปี 2553 ณ โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันพุธที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า “การจัดงาน SEPA Conference เป็นกิจกรรมสำคัญของรัฐวิสาหกิจในระบบ SEPA ซึ่งได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว วัตถุประสงค์ของงานครั้งนี้ นอกจากเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจระหว่างรัฐวิสาหกิจด้วยกันแล้ว ยังเป็นการแสดง Commitment ของกระทรวงการคลังในการผลักดันให้รัฐวิสาหกิจก้าวสู่ความเป็นเลิศด้วยระบบการประเมินใหม่นี้ ซึ่งได้เชื่อมโยงมุมมองที่สำคัญของการพัฒนาประเทศในบริบทของรัฐวิสาหกิจเข้ากับระบบการประเมินตนเอง โดยอิงพื้นฐานจากเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชา ติ (TQA) ซึ่งมีมาตรฐานและมีความเป็นสากล เพื่อส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเอง ค้นหาโอกาสในการยกระดับองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะต้องเข้าสู่ระบบนี้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2558”
“แนวคิดหลักในการจัดงานปีนี้ เน้นที่หมวดแรกของเกณฑ์ SEPA คือเรื่องของการนำองค์กร ซึ่งทาง สคร. ได้เชิญผู้นำระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่ได้นำระบบ SEPA ไปใช้แล้ว ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ขึ้นเวทีสัมมนาถ่ายทอดประสบการณ์ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องให้กับผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจที่กำลังจะนำร ะบบนี้ไปใช้กับองค์กรของตน นอกจากกิจกรรมในวันนี้แล้ว สคร.ยังจะสนับสนุนรัฐวิสาหกิจด้วยการจัดอบรมอย่างต่อเนื่องให้กับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานภายใน การจัดให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการกระตุ้นให้รัฐวิสาหกิจมีกลไกภายใน โดยสร้างบุคลากรที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินองค์กรเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กร ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และระบบการบริหารจัดการองค์กรตามบริบทของแต่ละรัฐวิสาหกิจ เพื่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกด้าน” นายกุลิศ กล่าวเสริม
นายกุลิศ กล่าวปิดท้ายว่า “สคร. มั่นใจว่า เมื่อรัฐวิสาหกิจทุกแห่งได้นำระบบการประเมินผลแบบ SEPA ไปใช้แล้ว ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและยกระดับการบริหารจัดการองค์กรของรัฐวิสาหกิจไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล และจะส่งผลให้รัฐวิสาหกิจสามารถพัฒนามาตรฐานการให้บริการแก่สังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป”