กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--คณะอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน
๑. หลักการและเหตุผล
การสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ในระบบ Admission ในปัจจุบัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบกลางในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๙ แทนระบบเอ็นทรานซ์ที่ใช้อยู่เดิม โดยมีองค์ประกอบในการยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย คือ
๑. ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (GPAX)
๒. ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (Ordinary National Education Test : O - NET)
๓. ผลการสอบความถนัดทั่วไป (General Aptitude Test หรือ GAT) ๔. ผลการสอบความถนัดเฉพาะด้านวิชาการ ( Professional Aptitude Test หรือ PAD ) ซึ่งการรับสมัครสอบระบบ Admission จะเปิดรับสมัครเฉพาะทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อนักเรียนหรือผู้สมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศ (ICT) ได้ทั่วถึง
ดังนั้นคณะอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน จึงเห็นควรจัดการสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชน รวมทั้งระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของสังคมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสอบแข่งขันในระบบ Admission ได้เข้าใจสภาพปัญหาที่เกิด
จากการรับสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว ว่าอาจมีผลกระทบต่อผู้สมัครจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศ (ICT) ของรัฐอย่างทั่วถึง เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและให้เกิดความเป็นธรรมกับบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเป็นการทำความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างการเรียนรู้ให้แก่ประชาชนในสังคมไทย
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑ เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้และยกระดับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องสิทธิทางการศึกษา โดยเฉพาะการรับสมัครสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในปัจจุบันซึ่งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัคร แต่ขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เช่นกัน
๒.๒ เพื่อเป็นเวทีให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและสะท้อนแนวคิดเพื่อให้เกิดการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
๒.๓ เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์องค์กร
๓. กลุ่มเป้าหมาย
จำนวน ๑๕๐ คน ประกอบด้วย
๓.๑ นักเรียน นิสิต นักศึกษา
๓.๒ ประชาชนที่สนใจ
๓.๓ นักวิชาการสถาบันการศึกษา / นักวิชาการอิสระ
๓.๔ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ
๓.๕ เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาสังคม
๓.๖ สื่อมวลชน
๓.๗ อนุกรรมการฯ
๓.๘ เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ
๔. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องเสวนา ชั้น ๖ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๕. ผู้รับผิดชอบโครงการ
- คณะอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน
- สำนักส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย
๖. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๖.๑ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสอบสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ในระบบ Admission เข้าใจและตระหนักในเรื่องสิทธิมนุษยชนและนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมในการกำหนดรูปแบบการรับสมัครสอบแข่งขันที่เอื้อประโยชน์และเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกฝ่าย
๖.๒ ประชาชนเห็นความสำคัญและสนใจติดตามการสัมมนา ซึ่งจะก่อให้เกิดการยกระดับการรับรู้และจิตสำนึกในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
๖.๓ ประชาชนได้มีโอกาสสะท้อนมุมมอง ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสามารถประมวลข้อคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานต่อไป
๖.๔ สาธารณชนให้ความเชื่อถือและการยอมรับต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๖.๕ สื่อมวลชนให้ความสนใจและนำผลการสัมมนาไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักและการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมอย่างกว้างขวางต่อไป
๖.๖ เป็นการเผยแพร่กิจกรรมและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นที่รู้จักของสังคม
กำหนดการ
เวลา ๑๒.๓๐ — ๑๓.๓๐ นาฬิกา - ลงทะเบียนการสัมมนา
เวลา ๑๓.๓๐ — ๑๓.๔๕ นาฬิกา - กล่าวเปิดและแจ้งวัตถุประสงค์การสัมมนา
โดย นายแท้จริง ศิริพานิช
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ประธานอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน
เวลา ๑๓.๔๕ — ๑๖.๓๐ นาฬิกา - อภิปรายเรื่อง “ รับสมัครเฉพาะทางเน็ต : ละเมิดสิทธิจริงหรือ? ”
โดย
๑. เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
๒. นายอำนวย สุนทรโชติ
ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ
๓. รศ. นพ. สรนิต ศิลธรรม
รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหิดล
๔. นางสาวศรัญญา จันนามวงค์ ตัวแทนนักเรียน
ดำเนินรายการโดย นายธีรพันธ์ นาทีกาญจนลาภ
อนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน
เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา - กล่าวปิดการสัมมนา
โดย นายแท้จริง ศิริพานิช
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ประธานอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน
หมายเหตุ - ถ่ายทอดสดทางเครือข่ายวิทยุชุมชนและวิทยุอินเทอร์เน็ต ๒๐ สถานีทั่วประเทศ
- บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มในห้องประชุม