กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
นางสาวพิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยเริ่มคลี่คลายแล้ว ส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมา ซึ่งจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมค้าปลีก ทำให้มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง เนื่องจากประชาชนตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยได้เต็มที่ และเกิดกำลังซื้อ ความมั่นใจกลับมา รวมทั้งผู้ประกอบการจะมีความมั่นใจในเรื่องของการลงทุนขยายกิจการเพิ่ม ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้ว 4 ครั้ง โดยปรับลดลงมาทั้งหมด 1.50 % และแนวโน้มครึ่งปีหลังนั้น เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยก็จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ และอาจจะมีการเลือกตั้งในช่วงปลายปีเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภาวะการเงินและการลงทุนให้คึกคักขึ้นมาได้
“แม้ว่าภาพรวมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้สถานการณ์การค้าปลีกมีอัตราการเติบโตที่ลดลง โดยมีการเติบโตประมาณ 4 -5 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่ปกติ เช่น การลอบวางระเบิดตามสถานที่สำคัญ กำลังซื้อและความมั่นใจของประชาชนลดลงไปพอสมควร ซึ่งรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการกำหนดทิศทางของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นความมั่นใจของนักลงทุน แต่มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ทางการเงินและการลงทุนน่าจะดีขึ้น”
นางสาวพิมพ์ผกากล่าวต่อไปว่า สำหรับศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตนั้น ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโต 6 -7 % ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากคาดการณ์ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่หวือหวามากนักอย่างไรก็ตามขณะนี้ จำนวนของผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์การค้าฯ มีเพิ่มขึ้น 4 % เนื่องจากศูนย์การค้าฯ ได้เน้นนโยบายการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อปลุกกำลังซื้ออย่างเข้มข้นมากขึ้น และดึงดูดลูกค้าเข้ามาช้อปปิ้ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ฟิวเจอร์พาร์ค เฉลี่ยวันละ 1.3 แสนคน
นอกจากนั้น ทางศูนย์การค้าฯ ยังได้ปรับตัวรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าและร้านค้ามากขึ้น โดยการจัดทำ ระบบ CRM (Consumer Relations Management) ตั้งหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า ในด้านพฤติกรรมความต้องการจับจ่ายใช้สอย และหน่วยงาน Customer Focus Team มีหน้าที่ดูแลร้านค้าภายในศูนย์การค้าอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงเพิ่มร้านค้าตลอดจนแหล่งบันเทิงต่างๆ ภายในศูนย์การค้าให้ตรงกับความต้องการในการช้อปปิ้งของลูกค้ามากขึ้น เช่น ล่าสุดนี้ก็มีโรงภาพยนตร์สำหรับเด็กโดยเฉพาะขึ้นเป็นแห่งแรก ใน EGV ร้านโชคชัย สเต็ค เบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นช้อปแห่งแรกในศูนย์การค้า ของกลุ่มฟาร์มโชคชัย เนื่องจากมีความมั่นใจในศักยภาพของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค
นางสาวพิมพ์ผกา กล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า FUTUREPF ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค จะมีแนวโน้มที่ดีและได้รับประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยในไทยที่ยังมีแนวโน้มเป็นขาลง ประกอบกับการที่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 นี้ FUTUREPF ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงกองทุนหนึ่งในบรรดากองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ในอัตรา 9.6% นอกจากนั้นแนวโน้มการเติบโตในส่วนของอัตราค่าเช่าของ FUTUREPF ยังมีความต่อเนื่อง และประกอบกับโดยธรรมชาติความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ต่ำอยู่แล้ว ทำให้ FUTUREPF มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยในปี 2550 นี้ ราคาเป้าหมายน่าจะอยู่ที่ 12.06 บาท ยังคงมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของอัตราค่าเช่า โดยกองทุนฯ มีมูลค่าที่ถูกและเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง
FUTUREPF เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีนโยบายลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นอาคารศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตบางส่วน รวมเนื้อที่ประมาณ 52,573.09 ตารางเมตร และสิทธิในการนำพื้นที่บางส่วนของพื้นที่ส่วนกลางจำนวน 48,190.51 ตารางเมตร และพื้นที่ภายนอกอาคารของโครงการฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ซึ่งจะเกิดรายได้จากค่าเช่า และค่าบริการที่ได้รับตามสัญญาเช่า
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
เจดับบลิวที ประเทศไทย : เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์ โทร. 0-2204-8221 หรือ 08-9127-2089
คุณรัตติกาล ตะโกเมือง โทร. 0-2204 -8214 หรือ 08-1986-6733