กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--สตาร์ ซานิทารีแวร์
STAR เตรียมแผนบุกตลาดสินค้าสุขภัณฑ์ระดับกลางบนเต็มตัวทั่วประเทศ หลังพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่แล้วเสร็จ เชื่อดีไซด์มัดใจลูกค้าอยู่หมัด ล่าสุดเตรียมแต่งตั้งดีลเลอร์เจาะตลาดหัวเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากพื้นที่เดิมคือเชียงใหม่และพัทยาซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม คราวนี้มองแถวภูเก็ต หัวหิน และเกาะสมุยเพราะทั้งโรงแรมและรีสอร์ทยังขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมเตรียมงบประชาสัมพันธ์อัดฉีด 12 ลบ.เชื่อดันรายได้ทะลุ 300 ลบ.สำเร็จ
ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) (STAR) บริษัท ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์แบรนด์ไทยแท้ภายใต้ชื่อ STAR เปิดเผย ถึงทิศทางการขยายธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เนื่องจากพบว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งการก่อสร้างและการซ่อมสร้าง ทั้งประเภทโรงแรม รีสอร์ท รวมทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงชะลอตัว
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาสินค้ารูปแบบใหม่ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเพื่อจัดจำหน่ายในตลาดระดับกลางบน ได้พัฒนาเสร็จสมบูรณ์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในต่างประเทศ ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศ ในตลาดระดับกลางบนเพิ่มเติมจากตลาดเดิมที่เน้นตลาดระดับกลาง และตลาดโครงการเป็นหลัก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศ และทำให้มีสินค้าจัดจำหน่ายครอบคลุมลูกค้าครบทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยในช่วงแรกการจัดจำหน่ายจะเน้นผ่านช่องทางจำหน่ายที่เป็นโมเดิร์นเทรด อาทิ ร้านโฮมโปร และผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ที่เป็นร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในส่วนกลาง หลังจากนั้นจะเปิดประตูสู่ตลาดภูมิภาคมากขึ้น โดยเน้นแต่งตั้ง ดีลเลอร์ที่เป็นร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ
"ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราได้เข้าไปแต่งตั้งดีลเลอร์ในลักษณะนี้ที่เชียงใหม่และพัทยา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้จึงจะขยายตลาดกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งสู่ภูเก็ต หัวหิน และเกาะสมุย เพราะการก่อสร้างในหัวเมืองท่องเที่ยวยังมีการเติบโตค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง ซึ่งนับจากนี้จนถึงสิ้นปีคาดว่าจะใช้งบในการประชาสัมพันธ์ตลาดในประเทศประมาณ 12 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจัดกิจกรรมร่วมกับร้านค้าของดีลเลอร์ และการส่งพนักงานขาย หรือ PC เข้าไปประจำอยู่ในร้านเพื่อแนะนำกับลูกค้าโดยตรง"
เขากล่าวอีกว่า การมุ่งบุกตลาดในประเทศอย่างเต็มตัว โดยใช้สินค้าใหม่เข้ามาขยายตลาดระดับกลางบนเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะช่วยให้รายได้ และกำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสินค้าระดับกลางบนจะสามารถจัดจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าสินค้าเดิม และมีกำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงเช่นกัน อย่างไรก็ตามจะเห็นการเติบโตของรายได้ในประเทศชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นไป ส่วนในปีนี้บริษัทได้คาดการณ์แนวโน้มรายได้ไว้ที่ประมาณ 300 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ประมาณ 70% มาจากตลาดต่างประเทศ และอีก 30% จะมาจากตลาดในประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ณัฐพงษ์ ใจแกล้ว 081-4010226
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net