อีเอ็มซี สรุปปี 2553 / มองอนาคตสำหรับปี 2554

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday December 22, 2010 10:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ บทความแสดงความคิดเห็น เมื่อย้อนมองดูปี 2553 ปี 2552 เป็นปีที่มีการพูดถึง และมีความตื่นเต้นเกี่ยวกับคลาวด์ คอมพิวติ้งเป็นอย่างมาก และต่อมาในปี 2553 เราก็ได้เห็นองค์กรและบริษัทต่างๆ เริ่มติดตั้งและนำคลาวด์ คอมพิวติ้งไปใช้ จากรายงานล่าสุดโดยบริษัท สปริงบอร์ด รีเสิร์ส (Springboard Research) ระบุว่าจำนวนขององค์กรที่มีการใช้หรือมีความคิดริเริ่มวางแผนที่จะใช้คลาวด์ คอมพิวติ้งนั้นมีมากขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2552 ผู้บริหารสูงสุดด้านไอที (ซีไอโอ)ในองค์กรต่างให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องการลดค่าจ่ายด้านไอที ที่เป็นปัจจัยสำคัญผลักดันให้มีการนำคลาวด์ คอมพิวติ้งไปใช้ นอกจากนั้นลูกค้าจำนวนมากยังชะลอการนำเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ มาใช้งานและกลับเน้นไปยังการนำโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีอยู่มีปรับใช้ให้เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลขององค์กรของตน เมื่อมีการกระตุ้นให้มีการนำระบบคลาวด์ คอมพิวติ้งไปใช้งาน ทำให้การเอาท์ซอร์สงานไอทีเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ อีเอ็มซีได้เห็นลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้เอาท์ซอร์สอย่างชาญฉลาดมากขึ้น องค์กรจำนวนมากไม่ได้เพียงแค่ทำการเอาท์ซอร์สไปยังผู้ผลิตเพียงรายเดียว แต่ทำการเอาท์ซอร์สไปยังผู้ผลิตหลายๆ รายเพื่อลดความสุ่มเสี่ยง และในขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์จากความหลากหลายและศักยภาพต่างๆ ปี 2553 ยังเป็นปีที่เราเห็นความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในเรื่องความร่วมมือ VCE ที่อีเอ็มซีเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ ในขณะที่เทคโนโลยีคลาวด์กำลังเป็นรูปเป็นร่างและตลาดมีพัฒนาการมากขึ้น เราจะเห็นการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมเฉพาะอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น อุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงินและการสื่อสารโทรคมนาคม เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เล่นระดับภูมิภาคเช่น SingTel ประกาศการทำงานร่วมกันกับ VCE เพื่อที่จะแนะนำการให้บริการคลาวด์ให้กับองค์กรใหญ่ๆ ในสิงคโปร์ ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่เราจะได้เห็นผู้ให้บริการร่วมมือกันเพื่อนำเสนอประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ดีที่สุดสู่ภาคอุตสาหกรรม การประสานการทำงานร่วมกันของอุตสาหกรรมไอทีนับเป็นสิ่งที่โดดเด่นอีกหนึ่งสิ่งในปีนี้ ผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ มีการเข้าซื้อกิจการเมื่อต้องการได้มาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปีนี้อีเอ็มซีซื้อกิจการของอาร์เชอร์ เทคโนโลยี (Archer Technologies) กรีนพลัม (Greenplum) และ ไอซิลอน (Isilon) ซึ่งยังมีอีกหลายรายที่ไม่ได้เอ่ยนาม ทั้งนี้ได้มีการก่อตั้งหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของความร่วมมือกัน VCE นี้เช่นกัน มองไปข้างหน้า ปี 2554 ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเริ่มฟื้นตัว และบริษัทไอทีต่างๆ พยายามมองหาช่องทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่หลากหลายและแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของคลาวด์ คอมพิวติ้งนี้ เราสามารถคาดหวังที่จะเห็นการเข้าซื้อกิจการที่สำคัญๆ เกิดขึ้นอีก ซีไอโอให้ความสำคัญในการสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ดังนั้นผมคาดหวังที่จะเห็นองค์กรที่มุ่งเน้นไปยังซอฟต์แวร์สำหรับการบริหารจัดการด้านไอทีหรือแพลทฟอร์มภายในไอที สำหรับอีเอ็มซีแล้ว พวกเรากำลังผลักดันตนเองไปสู่ภารกิจที่ใหม่กว่า และมีความสัมพันธ์ที่มากขึ้นสำหรับตลาดขนาดกลางและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลักที่สำคัญของอีเอ็มซีมีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและประเทศญี่ปุ่น การประหยัดค่าใช้จ่ายยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการนำคลาวด์ คอมพิวติ้งมาใช้ในปี 2554 ปัจจุบันคลาวด์ คอมพิวติ้ง ยังคงมีการใช้งานสำหรับภารกิจที่สำคัญน้อยลง เช่น ระบบอีเมลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ในขณะที่เรายังคงอยู่ในระยะเริ่มต้น ปี 2554 จะเป็นปีที่คลาวด์จะกระโดดไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ผมคาดว่าจะเห็นแอพลิเคชั่นหลักต่างๆ ที่ใช้อยู่ขับเคลื่อนสู่ระบบคลาวด์ ในขณะเดียวกันผู้ใช้งานระบบคลาวด์จะได้รับประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น การสนทนาเกี่ยวกับคลาวด์ คอมพิวติ้ง ก็จะถูกขับเคลื่อนโดยซีไอโอและซีทีโอ โดยเน้นการแก้ไขปัญหาระดับสูง เช่น โครงสร้างองค์กรและการลงทุน ซีไอโอยังคงให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยของระบบไอที โดยภาครัฐจะเข้ามากำกับกฎระเบียบและนโยบายที่รัดกุมมากขึ้น ในด้านการจัดเก็บข้อมูล (storage) เราจะเห็นองค์กรทั้งระดับใหญ่และขนาดกลาง ขนาดย่อมติดตั้งแอพลิเคชั่นที่สำคัญๆ ในการดำเนินธุรกิจไว้ในระบบสตอเรจหรือ SANS ทั้งนี้เราจะเห็นการใช้งาน SAN มากยิ่งขึ้นในปีหน้านี้ นอกจากนี้เทคโนโลยี Fibre Channel Over Ethernet (FCoE) จะเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยในระบบจัดเก็บข้อมูลจะทำงานอย่างใกล้ชิดพร้อมการเข้ารหัสที่ที่มากับระบบ อีเอ็มซียังคาดการณ์ถึงการใช้งานในระยะแรกของ ‘thin applications’ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ทำให้แอพลิเคชั่นทำงานบนระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้งาน ‘thin applications’ ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้งานเดสก์ท็อปเสมือนจริง (virtual desktops) ทั้งนี้เราได้เห็นการใช้งานเดสก์ท็อปเสมือนจริงบ้างแล้วในปีนี้ แต่เราคาดหวังว่าจะมีการใช้งานที่มากขึ้นในปี 2554 เหตุผลคือการทำงานระบบเดสก์ท็อปเสมือนจริงนั้นเป็นการรวมเอาระบบการรักษาความปลอดภัย ระบบการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลความลับ และสามารถลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย นายซูกุมารัน คันนุซามี่ กรรมการผู้จัดการ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาร์เอสเอ (RSA) แผนกระบบการรักษาความปลอดภัยของอีเอ็มซี สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2553 การรักษาความปลอดภัยระบบไอทียังคงเป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญระดับต้นๆ ในปี 2553 ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมเล็งเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามและข้อมูลที่ถูกขโมย องค์กรและบริษัทต่างก็กำลังมองหาวิธีการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยไอทีในองค์กรของตนเพื่อจำกัดความเสี่ยงที่พวกเขาอาจได้รับ ในปี 2553 นี้เรายังคงเห็นการให้ความสนใจในการกำกับดูแลความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎ (GRC) มีการกำหนดระเบียบข้อบังคับ และบริษัทต่างๆ กำลังมองหาโซลูชั่นในส่วนนี้ที่สามารถสร้างความพร้อมให้กับสภาพแวดล้อมไอทีที่มีอยู่ และช่วยลดความเสี่ยง การรั่วไหลของข้อมูลยังเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของปีนี้ องค์กรต่างๆ กำลังมองหาวิธีในการลดความเสี่ยงเหล่านี้ เพราะพวกเขาเริ่มเข้าใจว่าพวกเขาไม่เพียงกำลังเผชิญหน้ากับการสูญหายของข้อมูล แต่กำลังเผชิญหน้ากับชื่อเสียงบริษัทและผลสะท้อนกลับที่อาจมากกว่าแค่การสูญเสียข้อมูลของตัวเอง ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของ RSA ปีนี้คือการเพิ่มเติมแพลตฟอร์มอาเชอร์ GRC นอกเหนือจากให้การสนับสนุนเรื่องกฎระเบียบมาตรฐานต่างๆ แล้ว เทคโนโลยีอาร์เชอร์ยังเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานบนสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (virtualization) ในขณะที่มีการใช้งานแบบเสมือนจริง มากขึ้น RSA ก็จะเพิ่มขีดความสามารถของเราให้ตอบสนองกับการใช้งานบนสภาพแวดล้อมเสมือนจริงดังกล่าว เราเห็นการเติบโตและการนำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาใช้งานมากขึ้นในปี 2553 ซึ่งเพิ่มความกังวลในการรักษาความปลอดภัย รวมถึงมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการเจาะระบบและการกระทำที่มุ่งร้าย สิ่งเหล่านี้ทำให้ทั้งผู้ใช้และองค์กรต่างๆ ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญ มองไปในปี 2554 ระบบรักษาความปลอดภัยที่องค์กรส่วนใหญ่มองหาในปี 2544 นี้คือใช้โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยครบวงจรที่เป็นแบบบิลท์อิน (built-in) มากกว่าแบบบอล์ทออน (bolted-on) โซลูชั่นแบบบอล์ทออนเปรียบเสมือนอาหารเป็นจานๆ เทคโนโลยีเป็นส่วนๆ ที่ไม่เชื่อมโยงหรือมีปฏิสัมพันธ์กับส่วนอื่นๆ เพื่อจะได้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของการเกิดการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้บริษัทจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำไปประกอบการการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์และความต้องการในด้านการรักษาความปลอดภัย กลยุทธ์บิลท์อินคือการที่องค์ประกอบต่างๆ ในระบบสามารถตอบสนองกับความต้องการด้านการรักษาความปลอดภัยของลูกค้าและความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมไว้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจภาพรวมของระบบและความต้องการ ณ ขณะนั้น และสามารถชี้จุดที่เกิดการละเมิดความปลอดภัยขึ้น ทำให้สามารถตัดสินใจได้ตรงประเด็นและรวดเร็ว เราจะยังคงเห็นความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงของการใช้งานเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้งานต่อไปในปี 2544 นี้ และต้องสร้างให้เกิดความมั่นใจต่อผู้ใช้งานว่าโซลูชั่นต่างๆ จะได้รับการผนวกรวมเข้าด้วยกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้แต่ละองค์ประกอบของระบบรักษาความปลอดภัยเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆ นั่นคือมีภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกสภาพแวดล้อม ระบบคลาวด์เริ่มใช้งานมากขึ้นในปี 2553 และในปี 2554 ที่จะถึงนี้ RSA คาดว่าแพลตฟอร์มนี้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์จะมีความสำคัญมากที่สุด ด้วยกลยุทธ์การบิลท์อินที่มีประสิทธิภาพ และเป็นที่นิยมมากกว่าบอล์ทออน RSA ยังคาดการณ์ถึงว่าผู้ใช้จะยังคงตั้งคำถามมากมายถึงวิธีรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของพวกเขาบนคลาวด์ ซึ่งนับเป็นคำถามที่มีน้ำหนักที่สุดสำหรับทุกๆ บริษัทในการเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ ภัยคุกคามสามารถทำกำไรได้มากในตลาดมืด การกระทำที่มุ่งร้ายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีข้อมูลจำนวนมากที่จะขโมย (เพื่อนำไปขายต่อ) ซึ่งสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล การเจาะระบบจะยังคงได้รับการพัฒนาและคิดค้นเพื่อใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของแอพลิเคชั่น ของโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งการฉกฉวยประโยชน์จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้ องค์กรจำเป็นต้องเฝ้าระวังและพัฒนาศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยของตน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าองค์กรสามารถตอบสนองและรับมือกับการกระทำที่ประสงค์ร้าย วิธีหนึ่งคือ ต้องมีความเข้าใจ และมีภาพรวมอย่างแท้จริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบของตน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงกิจกรรมและเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ราจีฟ มูกุล รองประธานฝ่ายขายในเอเชียแปซิฟิคและประเทศญี่ปุ่น ไอโอเมก้า บริษัทในเครืออีเอ็มซี เกิดอะไรขึ้นในปี 2553 ปี 2553 เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับผู้บริโภค สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย คือการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้นในส่วนใหญ่ของภูมิภาค มีการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยระบบใยแก้วนำแสงในหลายประเทศทั่วทั้งภูมิภาค ทำให้ข้อมูลที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้บริโภคเองในรูปแบบของเพลง เกมส์ และวิดีโอความละเอียดสูง (HD) เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปัจจัยแรก คือความนิยมใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้น สมาร์ทโฟนที่ทำให้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง (HD) และดึงคอนเทนต์มัลติมีเดียต่างๆ ผ่านไวไฟ Wi - Fi หรือเครือข่าย 3G เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตของข้อมูลดิจิตอล และทำให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นของระบบการจัดเก็บข้อมูล ปัจจัยที่สอง คือผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการนำความบันเทิงระดับยอดสู่บ้านมากขึ้น ผู้บริโภคต้องการจะซื้อโทรทัศน์ขนาดใหญ่ขึ้นและมีโฮม เธียร์เตอร์ และต้องการรับชมภาพยนตร์ที่บ้านมากขึ้น ดังนั้นการจัดเก็บข้อมูลมัลติมีเดีย กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเสาะแสวงหา เพื่อจัดเก็บภาพยนตร์ความละเอียดสูง (HD) และดูบนหน้าจอโทรทัศน์ของพวกเขาได้โดยตรง เมื่อปี 2552 ระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับผู้บริโภคนี้ยังป็นสิ่งใหม่ แต่มีแนวโน้มเพิ่มมากขี้นในปี 2553 นี้ เมื่อพูดถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ มีผู้บริโภคจำนวนมากกำลังมองหานอกเหนือไปจากคุณสมบัติพื้นฐานและสินค้าราคาถูก มีผู้บริโภคที่มีรายได้และคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่างๆ มากขึ้น ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาสินค้าคุณภาพในราคาที่เหมาะสม หมายถึงพวกเขาจะให้ความสนใจมากขึ้นกับคุณลักษณะเพิ่มเติมของสินค้าและยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น สำหรับไอโอเมก้า (Iomega) แล้ว เราเน้นการนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มมูลค่า ด้วยความแตกต่างของซอฟต์แวร์ เราเชื่อมั่นว่าด้วยระดับแอพลิเคชั่นจะเป็นสิ่งที่จะนำเสนอประสบการณ์การใช้งานแบบองค์รวมให้กับผู้ใช้ เราได้เห็นการเจริญเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมาในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการที่บริษัทฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในการสร้างความแข็งแกร่งในกับระบบไอทีของเอสเอ็มบี และระบบการจัดเก็บข้อมูลก็เป็นหนึ่งในสามอันดับที่ในอดีตเป็นปัญหาขององค์กร ที่สำคัญธุรกิจขนาดกลางและเล็กจำเป็นต้องรักษาฐานข้อมูลลูกค้าและข้อมูลทางธุรกิจของพวกเขาตามจำนวนปีที่ที่กำหนดโดยกฎระเบียบของราชการ ความท้าทายคือธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กส่วนหนึ่งมีงบประมาณด้านไอทีที่จำกัดหรือไม่มีทรัพยากรที่จะบริหารจัดการระบบไอทีภายในองค์กรได้ด้วยตนเอง เพื่อรับมือกับกฏระเบียบเหล่านี้ ไอโอเมก้าประสบความสำเร็จในการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการให้กับธุรกิจเหล่านี้ และจะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดส่วนนี้อยู่ มองไปในปี 2554 เราคาดว่าธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กของเรามีความต้องการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มศักยภาพให้มากขึ้น, ต้องการการเข้าถึงระบบได้จากระยะไกล และต้องการรูปแบบของการใช้งานแบบคลาวด์มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธุรกิจไอทีในปัจจุบัน มองแนวโน้มมุ่งไปที่ลงทุนน้อยแต่ได้มาก "more for less" และเราจะเห็นลูกค้าองค์กรของเรายินดีที่จะลงทุนมากขึ้นเพื่อให้ได้มาก "more for more" ในส่วนของผู้บริโภค เราคาดการณ์ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลของผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ และด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแล่บของการก้าวเข้าสู่ความพร้อมในการให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ยุคใหม่ในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในปี 2554 นี้ ทำให้เราประเมินความต้องการการใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับมัลติมีเดียความคมชัดสูงที่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการแพร่หลายของข้อมูลที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นคนสร้างขึ้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มาพร้อมกับระบบเครือข่ายคุณภาพสูงมากขึ้น สำหรับไอโอเมก้า เป้าหมายในปี 2554 ของเราได้กำหนดแล้วจากการเป็นบริษัทแรกที่เปิดตัว solid state external hard drives เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน ปี 2553) ฮาร์ดไดรฟ์เหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้มีความเร็วและความเสถียรมากกว่าที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดในปัจจุบัน เราสามารถคาดหวังที่จะเห็นผู้เล่นรายใหม่ๆ จากบริษัทผลิตเซมิคอนดั๊กเตอร์ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ เพราะว่า solid state drives ก็คือเซมิคอนดั๊กเตอร์โดยพื้นฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้จะมีราคาที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ดีขึ้นไตรมาสต่อไตรมาส ในขณะที่ความต้องการใช้งานคาดว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีหลักๆ ที่เราคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2554 ในส่วนของซอฟแวร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้อื่นในอุตสาหกรรม บริษัทที่มีการเข้าถึงเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลจะมีขอบเขตการแข่งขันมากกว่าในเรื่องประสบการณ์การใช้งานทั้งหมดของผู้ใช้ ซึ่งมีความสำคัญกว่าข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว ทั้งนี้มัลติมีเดีย ไดร์ฟจะอำนวยความสะดวก การใช้งานที่เรียบง่าย พร้อมทั้งการจัดการอินเตอร์เฟซที่ง่ายดาย คลาวด์ คอมพิวติ้ง เป็นเรื่องของอนาคตและแพลตฟอร์มนี้ได้มีการริเริ่มนำมาใช้โดยบริษัทแม่ของเรา คือ อีเอ็มซี เวอร์ช่วลไลเซชั่นและคลาวด์ คอมพิวติ้ง จะมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กและสำหรับผู้บริโภค และไอโอเมก้าเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว เราเป็นบริษัทแรกที่ลงระบบคอมพิวเตอร์เสมือนจริงลงในฮาร์ดไดร์ฟ ทำให้เกิดระบบการทำงานแบบเสมือนจริงสำหรับผู้บริโภค เรายังคงความเป็นพันธมิตรกับบริษัทวีเอ็มแวร์ (VMware) เพื่อเสริมแกร่งการทำงานแบบเสมือนจริงและการนำเสนอการจัดเก็บข้อมูล ที่ให้ลูกค้าของเรามีประสบการณ์กับการใช้งานคอมพิวติ้งแบบไม่หยุดพัก ซึ่งตรงตามความต้องการที่จริงจังของผู้บริโภคและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในปัจจุบัน
แท็ก อีเอ็มซี   ลาว  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ