กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เมื่อสาระแนะลุกขึ้นมาทำหนังผีสยอง แต่ทำไมถึงออกมาฮา????จับเข่าคุยถึงที่มาที่ไปกับ “เป้ นฤบดี เวชกรรม”เรื่องเล่า BASED ON A TRUE STORYจากประสบการณ์จริงของผู้กำกับและทีมงานสาระแน
Q.ทักทายกันก่อน
P.สวัสดีครับ นฤบดี เวชกรรม เป้ครับ
Q.จริงๆ เรื่องที่แล้ว “สาระแนสิบล้อ” ก็มีผี
P. ครับ จริงๆ แล้วเรื่องที่ 2 สาระแนสิบล้อก็เป็นหนังผีแต่มันเป็นตลกซะมากกว่าผี แต่คราวนี้เราก็ยังมีติดค้างอยู่ว่ามันยังมีเรื่องเล่าที่มันเป็นเรื่องของความหลอนๆ ที่มันมีบรรยากาศของความหลอน คือตอนเด็กๆ เนี่ยมันจะมีเรื่องเล่าแบบนี้จากบรรพบุรุษ จากพี่จากน้องและก็จากกลุ่มคนที่ทำงานด้วยกันอีกเยอะมากมายเลยที่ยังไม่ได้เล่า ก็เลยคิดว่าจะรวบรวมมาเล่าในเรื่องนี้
Q.ทำหนังตลกอยู่ดีๆ ทำไมทุกลุกขึ้นมาทำหนังผี อะไรเป็นแรงบันดาลใจ
P แรงบันดาลใจเหรอครับมันมาจากบรรยากาศรอบตัว คือช่วงนี้เจอผีบ่อย คือเมื่อก่อนไม่เชื่อ คือมันไม่รู้หรอกว่ามันใช่หรือไม่ใช่ แต่บรรยากาศมันเริ่มมาใกล้ตัว เราเริ่มรู้สึกได้ว่าถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ แรงบันดาลเหรอ คือรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวช่วงนี้มันหลอนๆ เขาคงอยากให้เล่าเรื่องเขา เขาเลยมาดลใจ
Q.ปกติเป็นคนมีเซ้นส์ไหม
P ไม่มีเซ้นส์ จะเจอก็เจอเลยเป็นลักษณะเสียง คือเรียนมาทางวิทยาศาสตร์นะ ไม่เชื่อเรื่องผี แต่ตอนเนี่ยะเริ่มรู้สึกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่
Q.งั้นต้องให้ช่วยขยายแล้ว ที่บอกว่าเจอ บอกได้ไหมว่ามาในลักษณะไหนอย่างไร
P เดี๋ยวเขาจะหาว่างมงาย คือมันมีทุกรูปแบบ มันเป็นเรื่องของเสียง เป็นเรื่องของสัมผัส อะไรที่...เอาเป็นว่าอย่างเช่นอยู่ดีๆ ไฟมันไม่น่าจะแตกก็แตกได้ ทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ร้อนหรือไม่มีก้อนหินปาหรือมีอะไรมากระทบ หรือถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็อาจจะอธิบายตามแบบนักวิทยาศาสตร์ได้นะ แต่วิธีวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กับเราได้นะ จริงๆ แล้วคนเรา ก็ไม่ควรจะเชื่อในสิ่งที่เห็นมากนัก เพราะมีอะไรบางอย่างที่เราไม่สามารถอธิบายได้ แม้กระทั่งวิธีทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ (หัวเราะ) ก็อย่าไปจริงจังกับมันมากนัก
Q.ที่เจอเกิดขึ้นกับเราบ่อยมากแค่ไหนอย่างไร
P. ช่วงก่อนที่จะทำเรื่องนี้ (สาระแนเห็นผี) บ่อย บ่อยจนรู้สึกว่าต้องเล่า รู้สึกว่าเราอินกับเรื่องนี้ ต้องเล่าเรื่องนี้เพราะจากเรื่องสิบล้อ เวลาที่เราไปโลเคชั่นแต่ละที่ เราก็ไปเจอ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่นไปหาโลเคชั่นน้องเขาก็ไปหาโลเกชั่นให้เรียบร้อย แล้วพอไปถึงโลเคชั่น มันไม่มีอะไรที่เป็นจุดบอกเหตุให้เลยว่าตรงนี้มันจะมีอะไรต่อมิอะไระ แต่ป่อเต็กตึ้งที่เขามาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกกับเรา เขาบอกว่าพี่ไม่รู้เหรอว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพิ่งมีคนถูกรถชนตายไป จุดที่พี่เลือกเนี่ยะ และเราก็จะเจอแบบนี้ทุกฉากในสิบล้อ มีของทุกฉากในสิบล้อ เราก็เลยรู้สึกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องพวกเนี่ยะมันเริ่มมีอิธิพล ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องผี สาระแนก็เลยอยากจะทำหนังสยองขวัญขึ้นมาสักเรื่อง
Q.แต่ก็ไม่ทิ้งลายมือความเป็นสาระแนที่เน้นความสนุกสนาน
P. อ๋อพอพูดถึงลายมือความสนุกสนานในแบบสาระแน จริงๆ แล้วเรื่องนี้เราไม่อยากตลกนะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้อยากเล่าเรื่องผีน่ากลัวจริงๆ เรื่องราวขนลุกจริงๆ แบบที่เราเจอมาจริงๆ แต่พอเล่าไปเล่ามา แล้วทำไมมันขำก็ไม่รู้ มันหนีไม่พ้น
Q.ถามเลยว่า บรรยากาศความหลอน ความสยองของสาระแนเห็นผีมันจะออกมาในลักษณะไหนอย่างไร
P. เรื่องมันเป็นเรื่องที่เรา คือบรรยากาศเรื่องราวแบบนี้มันอยู่กับเรามาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเป็นคนจังหวัดจันทบุรี แล้วเวลานั่งรถไปโรงเรียนก็จะต้องผ่านสวนยาง ตลอดข้างทาง แล้วที่จันทรบุรีอากาศมันจะเป็นฝนตกกับชื้นอยู่เสมอ แดดบางทีมันก็ครึ้มๆ แล้วเวลามองเข้าไปที่สวนยาง เราก็จะเห็นเป็นช่องๆ เราก็ไม่รู้อะไรมันจะโผล่มาบ้าง มันก็เป็นจินตนาการของเด็ก แล้วมาวันหนึ่งเขาก็จะตัดต้นยางที่มีอายุมากออกไป ด้านหน้าถนนต้นยางก็จะถูกตัดทิ้งไป มันก็จะเห็นบ้านหลังโบราณซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในสวนยางซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่แบบนั้นซึ่งมันเป็นบ้านที่ทรงน่ากลัวมาก แล้วเราก็รู้สึกว่ามันต้องมีผีแน่เลยตอนเด็กๆ มันก็จะติดอยู่ในความรู้สึกนั้นมา และรวมทั้งพวกพี่ๆ น้องๆ ที่เขาอยู่ตามบ้านนอก เขาจะมีเรื่องเล่าเยอะ อย่างเช่นมีพี่สาวอยู่คนหนึ่งที่เขามีเซ้นส์ เขาก็จะมีเรื่องมาเล่าให้เราฟังตลอด เวลาเราเข้าไปอยู่ในบ้านในสวนหรืออยู่ในบรรยากาศ ในบ้านเก่าอะไรแถวๆนั้น มันก็จะรู้สึกถึง เรื่องเล่าพวกนี้มันก็จะมาจากเรื่องราวเหล่านี้ละครับ รวมทั้งเวลามาเขียนบทเรื่องนี้กับน้องคนเขียนบทนะครับ ที่ชื่อ ช กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์ เขาก็จะช่วยเติม พอหลังจากได้บทมาแล้ว คุยกับทีมงาน ทีมงานมีเรื่องดีๆ ก็จะถูกเติมๆ กันเข้ามาอีก ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมือนใครเพราะว่าแต่ละคนเจอมาเอง
Q.พูดได้ไหมว่า สาระแนเห็นผีกลายเป็นหนังผีที่ BASED ON เรื่องจริงของผกก.และทีมงาน
P ใช่ครับ ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงของผู้กำกับและทีมงาน คือที่นี้ถ้าเกิดเราจะมาเล่าในหนึ่งชั่วโมงครึ่ง มันคงอธิบายได้ไม่หมด เราคงเลือกเรื่องที่มันโดนจริงๆ มาเล่าเป็นแกน เพราะฉะนั้นก็เลยคิดทางของเรื่องให้เป็นเหมือนกึ่งๆ โรดมูฟวี่ ซึ่งตัวละครจะวิ่งเข้าไปเจอ คือเราเลือกเรื่องหลักๆ ที่คิดว่าสยองๆ แล้วเราก็เล่าโดยวิธีที่ตัวแสดงเดินเข้าไปหา เหมือนกึ่งๆ โรดมูฟวี่ ซึ่งตัวแสดงจะวิ่งเข้าไปหาเรื่องแต่ละเรื่อง
Q.ให้คำนิยามหนังผีแบบสาระแน
P คือก็อย่างที่บอกครับว่าสาระแนเนี่ยะมันก็ทำหนังตลก อย่างห้าวเป้งก็ตลกแต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษาที่มาทำงาน สิบล้อจริงๆ แล้วมันก็มีผีอยู่ แต่มันกลับกลายเป็นตลก เป็นผีตลก สำหรับเรื่องนี้ก็คืออยากจะทำให้มันเป็นหนังสยอง มันคือหนังสยองขวัญในแบบสไตล์ของสาระแน นิยามมันก็คือได้แค่นี้ แต่พอเล่าไปเล่ามาทำไมมันฮาได้ไม่รู้
Q. ลองนึกภาพความเป็นโรดมูฟวี่กับจังหวะในความเป็นหนังสยองแต่ฮาในแบบสาระแน ให้นึกยังไงก็นึกไม่ออก
P. คืออย่งนี้ครับเวลาหนังมันจะสยอง คนที่ไม่เชื่อเรื่องผีแล้วไปเจอมันจะสยองกว่าคนที่กลัวอยู่แล้ว เพราะคนที่กลัวอยู่แล้วจะคาดคะเน คือคนที่กลัวอยู่แล้วเหมือนจะรู้ที่มาที่ไป คือตัวเองรู้ว่ามันจะเกิดตรงไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อเลย ยิ่งถ้าเป็นคนที่ คือในหนังเรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับคนพวกนี้ที่ว่าจะต้องไปเจอหรือไม่ต้องไปเจอผีเลย คือในหนังเรื่องสาระแนเห็นผีตัวละครที่เดินเรื่องคือมนุษย์เด็กวัยรุ่นในปัจจุบันทั่วไปที่ไม่สนใจในเรื่องพวกนี้เลย แต่มันมีเรื่องมีเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องไปเจอ และไปอยู่ในที่ที่เขาไม่เคยไป คนกรุงไม่เคยเข้าป่า ก็อาจจะต้องเจอเหตุการณ์ที่มันนึกไม่ถึง ก็เลยคิดว่ามันน่าจะสยองกว่า
Q.ถ้างั้นคงต้องให้เล่าเรื่องราวของสาระแนเห็นผีละว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
P.สาระแนเห็นผีเป็นเรื่องราวของโคโยตี้สาวคนหนึ่งซึ่งเมามาก แล้วก็ขับรถผ่านผับมา ดันถูกวัยรุ่นสองคนจี้ด้วยปืนให้พาหนีไป เพราะตัวเองดันไปมีเรื่องกับสจ.ผู้มีอิทธิพล ทั้ง 3 คนก็เลยต้องหนีเตลิดออกไปทั้งๆ ที่โคโยตี้หนีก็เมามาก ซึ่งเขาก็ไม่มีสภาพพอที่จะขับรถพาหนีไปได้ ก็เลยต้องจอดรถแวะที่วัดแห่งหนึ่ง แล้วเริ่มต้นที่วัดๆ นั้นที่ทำให้เขาได้เห็นผี ก็เลยต้องหนีทั้งผี และสจ.ผู้มีอิทธิพล แล้วที่ไหนได้สุดท้ายแล้วความลับของโคโยตี้สาวคนนี้ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าทั้งสจ.และผีที่ทั้งสองคนนั้นหนีอีก
Q.ขั้นตอนการถ่ายทอดบรรยากาศความสยองฮาผ่านคาแรคเตอร์ตัวละครที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวของสาระแนเห็นผี
P.ก็คือพอหลังจากที่เราได้เรื่องสยองๆ มาแล้ว เราก็จะมาคิดผูกเรื่องที่มันไม่ให้ซ้ำกับเรื่องผีที่เราเคยเล่ามา มันก็คิดว่าน่าจะเริ่มต้นจากเด็กวัยรุ่นสองคนที่แหละ ซึ่งมันใกล้ตัวสุด เพราะทีมงานกับคนทำส่วนใหญ่จะวัยรุ่น ก็เลยเป็นมาริโอ้กับสตาร์บัคส์ ซึ่งในสาระแนสิบล้อ ทั้งสองคนเขาจะมีเวลาว่างที่จะชอบแอบไปคุยกระหนุ๋กระหนิ๋งกันอยู่เสมอ ก็เห็นว่าเฮ้ยทั้งสองคนนี่ค่อนข้างเข้าขากันดีนะ มันจะมีมุมของมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว รสนิยมของเขาที่เขาจะคุยกันได้ง ก็คิดว่าสองคนนี้คงทำงานเข้าขา ก็เลยปรับเป็นเพื่อนกันซะคือ ตัวมาริโอ้ก็ต้องถูกดึงลดคาแรคเตอร์จากที่น่ารักหล่อ ให้ลงมานิดหนึ่งให้ดูดิบให้เท่าๆ กับบัคส์ ก็คิดว่าถ้ามันเท่ากันก็คงไม่มันส์ก็ให้โอ้ดิบกว่าบัคส์เลยดีกว่า เพราะฉะนั้นมาริโอ้ก็จะเล่นเป็นคนที่ห้าวดุ และเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเงียบๆ มีด้านมืดของตัวเองอะไรอย่างเนี่ยะ ส่วนสตาร์บัคส์ก็จะเป็นจอมกวนตีน ชอบพาเรื่องมาหาเพื่อน ก็เลยทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
ส่วนอั้มคือเขาเซ็กซี่อยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดว่า คือในชีวิตปกติพวกรุ่นน้องทีมงานเขามักจะเจอกับพวกพริตตี้ กับพวกโคโยตี้บ่อยๆ ก็เลยคิดว่า ถ้าหากอั้มกลายมาเป็นอสรพริตตี้ของเราละแสบซ่าส์ไม่เหมือนใคร ก็น่าจะสนใจ ก็เลยกลายมาเป็นตัวคาแรคเตอร์หลักของ 3 คนนำ
Q.ทำไมต้องอั้มเห็นอะไรในตัวอั้ม
P.จริงๆ อั้มเป็นนักแสดงที่มีฝีมือนะ ปกติก็ไม่ค่อยดูละคร แต่เท่าที่เคยดูอย่างเรื่องล่าสุดเลยเรื่องแจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดาคืออั้มเขาจะมีวิธีการแสดงที่มันแตกต่างออกไปจากที่เขาเคยแสดง คือเขาจะมีเขาจะมีของเขา คืออั้มมีความเป็นธรรมชาติ แล้วก็มีความเป็นคอมมิเดี้ยนอยู่ในตัว เขาเล่นอะไรได้ตลกแล้วก็เป็นธรรมชาติได้มองเห็นจุดนั้น แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคืออยากจะลองถามเขาดูว่าเขาอยากจะลองเล่นหนังไหม เพราะว่าทีแรกคิดว่ายังไงเขาก็คงไม่มาเล่น แต่เขาดันเอาซิ เออก็เลยดีใจ โชคของพวกเรา แต่เอ๊ะทำไมเขาถึงเชื่อเรา หรือว่าเขาอยากจะเจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ คือส่วนใหญ่คนที่คิดเล่นหนังสาระแน ก็คิดว่าเขาคงพร้อม หลังจากที่ทำรายการมานานนะ ก็แสดงว่าสู้แล้วละ ใจถึงใช้ได้
Q.พูดถึงการทำงานกันของสตาร์บัคส์กับมาริโอ้
P.ช่วงแรกๆ มาริโอ้ไม่ค่อยเข้าใจสตาร์บัคส์สักเท่าไหร่ เพราะว่าเวลาซ้อมกันมันก็เข้ารูปเข้ารอยของมันดี แต่พอถึงเวลาแสดงมันจะหลุดอะไรไปของมัน มันจะอิมโพรไวส์อะไรไปเรื่อย มันจะมีลูกไหลลูกลื่นอะไร โอ้เขาก็จะงงๆ หน่อย แต่พอถ่ายไป 2-3 ฉาก เขาก็จะเริ่มเท่ากันละ โอ้ก็จะเริ่มมีของมา เริ่มมีเลื้อยมีไหล มีนอกเกมนอกบทบ้างเป็นที่สนุกสนาน
Q.แฟนๆ จะได้สัมผัสกับมาริโอ้ในแบบที่ไม่เคยเห็น
P.ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้อยู่ต่อหน้ามอนิเตอร์ หรือต่อหน้ากล้อง หรือหลังจากที่เขาหยุดพักกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มต่างๆ เขาจะมีของ เขาจะไม่ใช่มาริโอ้อย่างที่ประชาชนเคยเห็น เขาจะเป็นมาริโอ้ที่มีลูกดิบเถื่อนอารมณ์กวนตีนของเขา เราก็แค่พยายามบอกเขาว่าโอ้ไม่ต้องจริงจังกับการแสดงนะ เหมือนมาเล่นๆ เหมือนซ้อมแล้วก็ปล่อยตัวตามสบาย เขาก็ทำได้ดี คือใช้ตัวเขาที่เป็นอีกด้านหนึ่ง
Q.ในสิบล้อเป็นที่กล่าวถึงมากกับการแสดงของมาริโอ้ที่มีความเป็นธรรมชาติและตลกมาก จนมาถึงสาระแนเห็นผี พี่เป้มีวิธีการกำกับหรือดึงธรรมชาติของนักแสดงออกมาอย่างไร
P.ส่วนใหญ่ถ้าเขาตั้งใจมากๆก็จะบอกให้เขาเลิกตั้งใจซะ หยุดสักพักหนึ่ง แล้วก็บอกว่าเอาใหม่ เราก็อาจจะหลอกบอกเขาว่าซ้อม แล้วพอซ้อมก็เรคคอร์ด นั่นนะดี มันอาจจะไม่ใช่อย่างนี้ทุกครั้งนะครับ บางฉากมันก็ต้องดึงเอาความจริง หรือบางฉากที่ต้องเค้นเอาความกลัว หรือจังหวะที่ต้องเอาตัวรอด แต่กลับบางฉากที่มันจำเป็นต้องได้ความเป็นธรรมชาติ บางทีโอ้อาจจะตั้งใจกลัวว่าจะไม่ได้งานที่ดี ก็เลยอาจทำให้เขาเกร็ง เราก็ต้องใช้หลายๆ วิธีตรงนี้ในการช่วยเขา
Q.ความเป็นหนังผีในแบบสาระแนที่มีหลากหลายอารมณ์ มันเปิโอกาสหรือพื้นที่ทางการแสดงให้กับนักแสดงมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
P.คือในบทของมาริโอ้หรือสตาร์บัคส์หรืออั้ม เขาจะพาคนดูไปเจอเหตุการณ์ทั้งหลายแหล่ และพยายามเอาใจช่วยให้เขารอดจากเหตุการณ์ตรงนั้น คือแต่ในบางฉากมันก็เป็นเทคนิคที่สาระแนเคยทำอยู่แล้ว และเป็นธรรมชาติที่มันโอเค ก็คือเราก็แค่บอกเขาว่าสามคนเนี่ยะคืนนี้จะต้องเข้าไปเจอกับสิ่งที่ไม่เคยเห็น อย่างเช่นเข้าไปในวัดต้องเจอสัปเหร่อในตอนกลางคืน แล้วก็ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็ลองให้ทุกคนทำการบ้านมาว่าจะมีอารมณ์แบบไหน แล้วความคิดของเขาเองถ้าเขาเจอจะพูดออกมาอย่างไร นอกเหนือจากในบทที่เรามี แล้วก็ทุกคนก็เต็มที่ แต่อย่างน้อย เส้นโครงของบทต้องมีให้พาคนดูไปด้วยได้ เขาก็จะเติมอะไรกันสนุกสนาน คือในการทำงานเราเปิดพื้นที่ให้นักแสดงได้คิดได้นำเสนอวิธีที่จะถ่ายทอดออกมาผ่านการแสดง โดยที่เราดูแล้วค่อยปรับจากตรงนั้นให้มากขึ้นหรือลดลง เป็นการแชร์ไอเดียความคิดในการแสดงกันระหว่างตัวผกก.กับนักแสดง โดยส่วนใหญ่ อย่างอั้มเขาจะมีความเป็นมืออาชีพมากเลย ก่อนจะมาเขาจะทำการบ้านมาก่อนแล้ว อย่างบทนี่เป๊ะมาก อย่างเวลาพอมาเข้าฉากกับโอ้กับบัคส์ มันก็มีเป๊ะ บางทีก็ไม่เป๊ะ ทำให้อั้มต้องอิมโพรไวซ์ตาม ซึ่งก็เกิดอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่ได้วางแผนไว้ ซึ่งก็ดีกว่าที่เราวางแผนไว้ด้วย
Q.หนังสาระแนทุกเรื่องต้องมี “วิลลี่-เปิ้ล-หอย”
P.ก่อนอื่นเลยด่านหนึ่งด่านแรกเลยในการทำหนังแต่ละเรื่อง พอเราคิดบทคิดพล็อตแล้ว เราก็ต้องเสนอที่วิลลี่เปิ้ลหอย พอบอกว่าจะทำหนังผีสยองขวัญ เขาก็ทำท่างอนๆ ก็คงนึกในใจว่าถ้าทำหนังผีสยองขวัญ 3 คนเขาคงไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่ายังไงก็ต้องมี3คนอยู่ในหนังสาระแนใช่มั้ยครับ ก็เรื่องมันดันไปมีจุดเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีซึ่งมันก็ต้องมีการติดตามคดีโดยตำรวจนอกเครื่องแบบสองคน ส่วนใหญ่โดยทั่วไปเขาจะมีตำรวจสก็อตแลนยาร์ดใช่มั้ยครับแฝงตัวไปกับชาวบ้าน คอยเข้าไปสืบโดยที่ไม่ให้ชาวบ้านรู้ว่าฉันเป็นตำรวจ เปิ้ลหอยก็เลยกลายเป็นสองคนที่ได้รับบทนี้ไป เปิ้ลก็เป็นจ่าเริง ซึ่งเป็นตำรวจสายสืบจอมโหดคนหนึ่งกับจ่าแป้วซึ่งเป็นหอยก็เป็นตำรวจมือดีที่สามารถปลอมตัวเข้ากับชาวบ้านได้เนียนมาก ซึ่งเราก็อธิบายเขาว่านี่เป็นหนังผีสยองขวัญนะ ไม่อยากให้ตลกมาก แต่ว่าลองเข้าไปดูในหนังดีกว่าว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร
Q.แต่เห็นบอกว่าเวลาแอ็คชั่นก็ใส่กันยับในส่วนของการแสดงชนิดที่ว่าไม่มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องให้หลงเหลืออีกต่อไป และที่สำคัญมีการเตรียมตัวกันพอสมควรเลย
P.ครับยกตัวอย่างหอย พอเขารู้ว่าจะได้เล่นบทนี้เขาก็ทำการบ้าน ทำการบ้านเสร็จ แล้ววันหนึ่งเขาก็มาเสนอโดยการถ่ายรูปด้วยกล้องตัวเองจากบ้านมา พี่เป้ เอาอย่างนี้ไหม อย่างนี้ไหม ผมป็นอย่างนี้ไหม มีเอามาแบบ 4-5 คาแรคเตอร์ มีแบบตัวเองลองแต่งดูบ้าง ลองให้น้องที่ออฟฟิศลองแต่งดูบ้าง จนผมบอกว่าเอ๊ะหอยถ้าเป็นแบบนี้ สก็อตที่ไหนเขาทำอย่างนี้กันวะ หอยบอกว่าพี่ นี่มันสุดยอดของสก็อตแล้วนะ ปลอมตัวจนไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเป็นหอย อีกอย่าง ผมก็เลยใส่ความลึกไปว่า เออใช่มันคงเป็นตำรวจสก็อตที่กลัวว่าครอบครัวจะเดือดร้อนมาก มันไม่ยอมให้ใครจำหน้าได้เลย กลัวว่าจะสาวถึงครอบครัวใช่มั้ย ก็โอเคโอเคเป็นไปได้มีเหตุผล ก็สนุกสนานกับเขาไปซึ่งในทางของเปิ้ลกับหอยเขาค่อนข้างเป็นแฟนตาซีตาม เออคือเหมือนกับพาคนดูหลุดไปอีกโทนหนึ่งเลยเวลาเขาโผล่ออกมา สำหรับในเรื่องของวิลลี่เป็นแค่ตัวประกอบผ่านมาตัวหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่กับเรื่อง เขาบอกว่างานผมเยอะ อย่าเอาคิวผมไปเยอะเลย ก็เลยให้เล่นเป็นตัวประกอบผ่านๆ แล้วก็เขาก็ไม่ค่อยอยากจะเล่นกับหอยกับเปิ้ลเท่าไหร่ภาพมันซ้ำ ขอผมอยู่ของผมคนเดียว เป็นตัวประกอบที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
Q.คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของ “สาระแนเห็นผี”
P.คือการทำหนังเป็นการเล่าเรื่องให้คนฟังให้คนดู ถ้าเรื่องเราสนุก เราเล่าด้วยความสนุกสนาน ทีมงานทำงานด้วยความสนุกสนาน นักแสดงสนุกที่จะสวมบทบาทคาแรคเตอร์นั้น ผมว่าอันนี้แหละคือเสน่ห์ของหนัง สิ่งที่สาระแนมีก็มีในอย่างที่บอกมาครบ ทุกคนพร้อมที่จะมาสนุกในการทำงานเพื่อที่จะให้คนดูได้ร่วมสนุกกับเรา ไม่เพียงนักแสดงหลัก คืออาจจะด้วยเสน่ห์และด้วยคาแรคเตอร์ในความเป็นสาระแนที่มีมา 12 ปีมาแล้วครับ ทุกคนอาจจะรู้จักแล้วว่ามาสาระแนมันสนุกแน่นอน แล้วก็พร้อม อย่างใครๆ ที่พร้อมจะสนุกเราก็รับเชิญมาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่หม่ำ พี่เด๋อ พี่จาตุรงค์ พี่เป้ย และอีกมากมายในเรื่องทุกคนพร้อมที่จะมาทำให้หนังเรื่องนี้สนุกมากขึ้น มีคำแนะนำจากพี่ๆ เขามากมายที่มาช่วยให้ทีมงานเราทำได้ดีขึ้นและสนุกสนานขึ้น
Q.ฝากหนังกันก่อน
P.ก็จากที่เราทำงานมาก็คิดว่าพร้อมที่จะนำเสนอ จากความหลอนที่มีประสบการณ์มา จากที่ถ่ายทอดไปในบทภาพยนตร์ แล้วก็นักแสดงๆ ออกมา ก็พร้อมที่จะให้คนดูได้สัมผัสความหลอน 30 ธ.ค.นี้แน่นอน
ตัวอย่างน้ำจิ้มบางส่วนเล็กๆน้อยๆจากสาระแนเห็นผี
เมื่อลำแสดงออร่าถูกเปล่งประกายมาจากตัวอั้ม
-ก็จะเป็นฉากเปิดตัวของอั้มฉากแรกในหนังที่เขาเดินออกจากห้องน้ำมาเดินผ่านวงนักเต้นในผับ อันนั้นนะไม่ต้องบรีฟเลย ไม่ต้องบรีฟตัวแสดงในผับเลย แค่อั้มเดินออกมาในผับเท่านั้นเอง มันก็มีออร่าจริงๆ ผู้ชายทุกคนที่เต้นกับคู่ตัวเองในผับก็หันไปมอง มองตามอั้ม ทีมงานก็มองตามกัน (หัวเราะ) ไม่ต้องบรีฟไม่ต้องอะไร อันนั้นง่ายมาก เหมือนมีลำแสดงออร่าออกมาจากตัวอั้มจริงๆ
เมื่อมาริโอ้ปล่อยของ “วรรคทองของมาริโอ้”
-ส่วนคู่หูมาริโอ้สตาร์บัคส์เขาก็ต้องเล่นเป็นบัดดี้ รู้สึกจะเป็นฉากแรกๆ ในเรื่องนี้ โอ้โหเขาก็ใส่กันแหลก ฉากนั้นจะเป็นฉากที่บัคส์จะต้องออกไปเหล่ ออกไปหลี ไปจีบหญิง ส่วนคาแรคเตอร์โอ้เขาจะอยู่ที่เคาท์เตอร์ เขาไม่ไปไหน เขาก็จะนิ่งๆ บัคส์เขาก็บอกว่าเขาจะไปแล้ว โอ้เขาก็ตะโกนเรียกให้บัคส์กลับมา เราก็เอ๊ะนี่มันนอกบทนี่หนา มันจะเรียกทำไมนะ ไอ้ยี (คาแรคเตอร์ของบัคส์) เอาสารส้มทาจั๊กกะแร้บ้างนะ (หัวเราะ) คือบ้านโอ้เขาทำสารส้มไง (แล้วเรื่องกลิ่นตัวของบัคส์เป็นที่ร่ำลือกันในกอง) ส่วนเรื่องนี้มาริโอ้เขาเริ่มจะมีสันดานคล้ายๆ กับพวกสาระแน เขาอาจจะเห็นจากพวกเราที่ทำงานกันไป แกล้งกันไป แหย่กันไป มาริโอ้ก็เริ่มจะมีลูกแบบนี้บ้างละ เริ่มกลายเป็นแก๊งค์เดียวกัน
เอาคืนสาระแน ระวังจะโดนแกล้งกลับ
-มันมีอยู่ฉากหนึ่งด้วยความเลวของยีซึ่งเล่นโดยสตาร์บัคส์ เขาจะถูกแฟนบอกเลิก แต่บอกเลิกด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา ด้วยความซ่าส์ของมัน โดนแฟนต่อย ผู้หญิงต่อย ลองคิดดูละกันว่าผู้หญิงต่อยจนเลือดกำเดาไหล ซึ่งมาริโอ้เขาอยู่ในฉากนั้นด้วย เขาก็อยากช่วยเพื่อน เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาอะไรเช็ดไง เลือดกำเดามันไหล ก็หยิบมาได้ก็เป็นถุงเท้ามาเช็ดจมูก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีในบท มาริโอ้ทำเอง เราไม่ได้บรีฟ และรู้สึกว่าหลังจากฉากนั้นทั้งคู่ก็จะซี้กันตลอดมา เล่นเข้าขากันมาก
ซูโม่กิ๊กรุ่นพี่เคารพรักของสาระแนมาร่วมแจม
-สำหรับพี่กิ๊กซูโม่กิ๊กเกียรติ กิจเจริญ ต้องขอบพระคุณมากที่มาช่วยเรา เป็นมุกท้ายๆ เรื่องเป็นใครต้องไปดูเอาเอง แต่จำเป็นต้องมาตั้งแต่ตี5 เพื่อมาเพ้นท์เพื่อมาสักตามตัวถึง 3 ชม.เพื่อเข้าฉากแล้วแกก็เต็มที่มาก แล้วต้องไปเล่นในที่ที่อึดอัดมาก เป็นห้องอบไอน้ำ ซึ่งอากาศก็ไม่ค่อยจะมีหายใจ พี่กิ๊กบอกว่าเข้าไปก็เหนื่อยอยู่แล้ว เหงื่อเต็มตัวเลย แต่ทีมงานก็ยังฉีดเหงื่ออยู่นั่นแหละ (หัวเราะ) ฉีดเหงื่อไม่หยุด จริงๆพี่กิ๊กสนิทกับพวกเรา ตอนเริ่มทำทีวีก็เป็นพี่เลี้ยงพวกเรา คอยเข้ามาช่วยดูแล และช่วยดุด่าพวกเราให้เข้ารูปเข้ารอย ตั้งแต่ 12-13 ปีโน่นเลย
“หม่ำ จ๊กม๊ก” โจทย์คนสำคัญของ “สาระแน”
-พี่หม่ำไม่รู้เป็นไรเล่นหนังแลกเหล้า จ่ายเป็นค่าตัวก็ไม่เอา จะเอาเหล้าเป็นลัง ก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างมากเลย เพราะปกติพี่หม่ำก็ไม่ค่อยเล่นหนังให้ใครนอกจากหนังตัวเอง ก็ตื่นเต้น ทีมงานตื่นเต้นกันมาก ต้องเตรียมงานอย่างดี เพราะว่าเราไม่อยากใช้เวลาของพี่หม่ำไปเยอะ ก็พี่หม่ำมาทั้งสอนและมาทั้งตบนักแสดงอย่างมาริโอ้สตาร์บัคส์ ครั้งแรกที่เข้าฉากด้วยกัน เอาแค่พี่หม่ำยิงมาทีเดียว ปังเดียว ทั้งสองคนนั้นลืมบททุกอย่างเลย (หัวเราะ) อ๋อแล้วมีอยู่ฉากหนึ่งซึ่งเป็นฉากที่นั่งคุยกันระหว่างมาริโอ้ พี่หม่ำ แล้วก็สตาร์บัคส์ 8-9 เทคโอ้เล่นไม่ได้ ยังไม่พูดอะไรกันนะ แค่บอกให้โอ้นั่งจ้องตากับพี่หม่ำ ก่อนที่จะคุย นั่งจ้องไป3วิ โอ้ก็ขำแล้ว 5 วิก็ขำแล้ว 7-8 เทค ต้องพักสักครึ่งชั่วโมง ถึงค่อยมาเริ่มเล่นกันใหม่