กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ
นางวรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านหลักประกันทางสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผยผลการศึกษาหัวข้อ การสร้างระบบสวัสดิการพื้นฐาน: ค่าใช้จ่ายระบบสวัสดิการสังคมที่คนไทยต้องการ โดยระบุว่า ระบบสวัสดิการสังคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชิงสังคมที่รัฐควรจัดให้แก่ประชานเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตของประชาชนทุกวัย จากการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศและการทำประชาเสวนา พบว่า ประชาชนไทยมีความต้องการสวัสดิการสังคมตั้งแต่เกิดจนตายและต้องการให้เป็นสวัสดิการแบบถ้วนหน้า โดยที่สวัสดิการด้านการศึกษาและสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าสำคัญมากที่สุด ในด้านการดำเนินการสวัสดิการสังคม ประชากรส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลกลางเป็นผู้ดำเนินการโดยสัดส่วนความเห็นของประชาชนที่ต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการมากที่สุด คือ สวัสดิการด้านการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และด้านการส่งเสริมสุขภาพ ประชาชนประมาณร้อยละ 70 เห็นว่าจะไม่ต่อต้านการขึ้นภาษีถ้ารัฐนำเงินรายได้ภาษีนั้นมาใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการสังคม ส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการสังคมในอนาคตจะมากเพียงใดขึ้นกับสวัสดิการด้านสุขภาพว่าต้องการให้พัฒนาไปเป็นแบบใด ถ้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่ากับร้อยละ 2 ต่อปี ปี 2570 ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและการสงเคราะห์บุตรจะคิดเป็นร้อยละ 2.4 ของ GDP ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพถ้วนหน้าแบบเดียวกับประกันสังคมจะเป็นร้อยละ 1.9 ของ GDP ปัญหาสำคัญของสวัสดิการสังคมของไทยในอนาคตไม่ใช่เรื่องค่าใช้จ่ายแต่เป็นความขาดระบบ เราพัฒนาการประกันสุขภาพและหลักประกันด้านรายได้สำหรับผู้สูงอายุให้เป็นแนวดิ่ง โดยดูแลคนไทยแยกเป็น 3 กลุ่มคือ ข้าราชการ ลูกจ้างเอกชน และประชาชนที่เหลือจากสองกลุ่มแรก แต่ละแนวขาดความสอดคล้องกันและขาดความเป็นธรรม ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและความเสี่ยงในยามชราภาพของคนไทยเหมือนกันแต่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันจากรัฐ ไทยขาดกลไกที่จะคอยดูและและกำกับเพื่อให้สวัสดิการสังคมมีความเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม และไว้ใจได้.
เผยแพร่โดย ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ โทร. 0-2270-1350 ต่อ 113