กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ก.ล.ต.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวปาฐกถาในงาน Thailand Smart Money 2010-2011ถึงการเตรียมความพร้อมของสถาบันการเงินและภาคธุรกิจที่จะต้องเผชิญกับผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดทุนไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศพัฒนาใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ ดำเนินมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากและประเทศในยุโรปยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านการคลังได้สำเร็จ
ปัจจัยความเสี่ยงที่ประเทศพัฒนาใหม่จำเป็นต้องระมัดระวังรวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดจากเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้า โดยเฉพาะเงินเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนสามารถกู้ยืมเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อไปลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งอาจทำให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นและผันผวนได้
เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้เสนอแนะให้สถาบันการเงินและภาคธุรกิจศึกษาวิธีการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้รอบด้าน 5 ประการ ดังนี้
ประการแรก การปล่อยสินเชื่อควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ สินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อเชิงพาณิชย์ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินควรหลีกเลี่ยงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเก็งกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักธุรกิจบางรายอาจจะหันไปเน้นการเก็งกำไรเป็นหลักแทนการทำธุรกิจปกติ
ประการที่สอง การประเมินราคาหลักประกันสำหรับการปล่อยกู้ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยต้องมั่นใจได้ว่าลูกค้ายังมีความสามารถในการชำระหนี้คืนตามกำหนดแม้ในภาวะที่ราคาทรัพย์สินเกิดความผันผวนขึ้นก็ตาม
ประการที่สาม การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะต้องแยกแยะได้ว่าผลกำไรที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องมาจากการทำธุรกิจปกติ ซึ่งมีโอกาสที่จะขึ้นอีกในปีต่อ ๆ ไป หรือเป็นเพียงผลกำไรจากกิจกรรมที่เฟื่องฟูในยามที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างร้อนแรง เช่น กำไรจากการซื้อขายหุ้น และกำไรจากการตีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นชั่วคราว เป็นต้น
ประการที่สี่ การก่อหนี้ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกู้ยืมเงินเพื่อไปลงทุนในธุรกิจที่เติบโตอย่างร้อนแรง โดยควรรักษาสัดส่วนหนี้ต่อทุนไม่ให้ขยายตัวเกินกว่าอัตราที่เหมาะสม เนื่องจากสภาวะความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีผลกระทบต่อระยะเวลาและปริมาณกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับ
ประการที่ห้า การให้กู้ยืมเงินแก่ลูกค้าเพื่อไปลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ลูกค้าไม่มีความชำนาญควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากในยามที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างร้อนแรงมักมีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการหันไปลองทำธุรกิจที่มีผลกำไรดีในระยะสั้น โดยเฉพาะบางรายอาจจะขยายไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่สุดท้ายอาจไม่ได้ผลตอบแทนดังคาดเนื่องจากขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ
“ในปีหน้าทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้ความสนใจของนักลงทุนและนักเก็งกำไรยังเน้นอยู่ที่ประเทศพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียเช่นเดิม ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้น่าจะทำให้มีแรงหนุนตลาดหุ้นของประเทศเหล่านี้พอสมควร รวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากเงินทุนไหลเข้าเป็นความเสี่ยงที่ต้องให้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะจะทำให้ราคาทรัพย์สินสูงขึ้น
และมีความผันผวนมากยิ่งขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้น พันธบัตรหรือหุ้นกู้ อสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องควรศึกษาแนวทางการบริหารความเสี่ยงเตรียมไว้อย่างรอบคอบ” นายธีระชัย กล่าว