กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี
ดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล ได้มีโครงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2549 โดยตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจการบริการไปทั่วโลก ซึ่งในปี 2550 นี้ จะเริ่มประเดิมแผนการดำเนินงานโครงการในประเทศไทยและพัฒนาไปยังประเทศต่างๆ ในแถบภูมิภาคเอเชียอีกด้วย แผนการดำเนินงานดังกล่าวจะเริ่มต้นที่เครือรอยัลปริ๊นเซส ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมในเครือดุสิตธานี และนับเป็นรีสอร์ทแห่งแรกในเครือปริ๊นเซส โดยที่แรกที่จะเริ่มดำเนินการคือ ปริ๊นเซส รีสอร์ท เกาะช้าง ตั้งอยู่ที่อ่าวใบลาน มีห้องพัก 96 ห้อง ซึ่งพร้อมให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ เกาะช้างนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะภูเก็ต ด้วยความหลากหลายในบรรยากาศการท่องเที่ยว รวมทั้งอุทยานสัตว์น้ำแบบธรรมชาติซึ่งมีบริเวณครอบคลุมถึง 80% ของพื้นที่เกาะ ใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาทีโดยเครื่องบินจากกรุงเทพ และอีก 45 นาทีโดยเรือข้ามฟากไปยังเกาะช้าง
ด้านการขยายธุรกิจในส่วนภูมิภาคเอเชียนั้น เครือดุสิตธานีได้เริ่มดำเนินการร่วมทุนกับ Bird Hospitality Services ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเบิร์ดกรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย การร่วมทุนนี้มีเป้าหมายในการพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทในเครือจำนวน 6 แห่ง ไปสู่บริการระดับ 4 และ 5 ดาว โดยจะเริ่มที่ นิวเดลี กัว ริชิเคช พูเน่ อมริตสา และไจเปอ โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การบริหารงานและแฟรนไชส์ของเครือดุสิตธานี
นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “การพัฒนาธุรกิจโรงแรมในครั้งนี้ จะทำให้ดุสิตมีความแข็งแกร่งในตลาดตะวันออกกลางซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของแผนการขยายธุรกิจเชนโรงแรมไทย นับตั้งแต่เครือดุสิตธานีได้จัดตั้งสำนักงานส่วนภูมิภาคในตะวันออกกลางเมื่อกลางปี 2549 ที่ดูไบ ซึ่งรวมถึงโรงแรมดุสิตดูไบ ด้วยจำนวนห้องพักจำนวน 300 ห้อง การร่วมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมในตะวันออกกลางนี้จะเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการขยายธุรกิจโรงแรมในเครือดุสิตธานีในครั้งต่อๆ ไป”
โครงการดุสิตปาล์มไอส์แลนด์ จะประกอบไปด้วยกลุ่มโรงแรมระดับ 6 ดาว ได้แก่ โรงแรมดุสิตเทวารัณย์ และ โรงแรมดุสิตธานี นอกจากนั้นยังมี โครงการดุสิตเรสซิเดนท์ ซึ่งให้บริการด้านที่พักอาศัย และอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะประกาศให้ทราบในเร็วๆ นี้
โรงแรมดุสิตเทวารัณย์มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบอินเดียแท้ ที่มีลักษณะอันโดดเด่นเฉพาะตัวในบรรยากาศหรูหราด้วยบริการที่มีระดับ โดยมีบริการห้องพักขนาดใหญ่และสวีทรวม 114 ห้อง ห้องอาหารที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ดุสิตกูร์เม่ท์ ล็อบบี้บาร์ และพูลบาร์ที่บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม อีกทั้งห้องประชุม ห้องสัมมนา และสระว่ายน้ำ 2 สระ นอกจากนี้ยังมีบริการด้านสุขภาพและความงามจากเทวารัณย์ สปา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการของเครือดุสิตธานีอีกด้วย
ในส่วนของโรงแรมดุสิตธานี จะมีห้องพักและสวีทรวม 272 ห้อง ด้วยการตกแต่งในสไตล์โมร็อคโค ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายและให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการมาพักผ่อน และมีบริการห้องอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ดุสิตกูร์เม่ท์ให้บริการด้านเบเกอรี่ ชาและกาแฟ, DFiT ฟิตเนส เซ็นเตอร์ระดับคุณภาพ, คิดส์ เซ็นเตอร์สำหรับเด็กๆ, 3 สระว่ายน้ำ ร้านค้าในโรงแรม และห้องประชุมขนาดย่อม นอกจากนี้ยังมีบริการห้องพักแบบชาเล่ต์จำนวน 10 หลัง แต่ละหลังจะมี 2 ชั้น และแยกเป็นสัดส่วนสำหรับแต่ละครอบครัว จำลองบรรยากาศของการพักผ่อนแบบกระโจมในทะเลทราย แต่แวดล้อมไปด้วยสระน้ำและสวนปาล์ม
ด้วยรูปแบบและการดีไซน์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการผสานวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง ให้เข้ากับการบริการที่เป็นเสน่ห์ของไทยที่สามารถพบได้ในทุกโรงแรมและรีสอร์ทของเครือดุสิตธานี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
มร. แซม-อีริค รัธแมน รองประธานสำนักงานส่วนภูมิภาคดุสิตในตะวันออกกลางได้กล่าวไว้ว่า “เราดีใจและตื่นเต้นกับการที่ได้มีโอกาสที่จะขยายแบรนด์ในเครือดุสิตธานีไปยังภูมิภาคแถบตะวันออกกลาง ด้วยรูปแบบการให้บริการตามแบบฉบับของไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมของอาหรับ”
ปี 2550 นี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของเครือดุสิตธานีในการขยายกิจการออกไปยังแหล่งธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวหลักเพื่อเป็นการขยายแบรนด์ในเครือดุสิตธานีต่อไปในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
กนกรัชต์ ทิมบุญธรรม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี
โทร. 02-636 3600 ต่อ 3557 อีเมล์ kanokraht.tb@dusit.com www.dusit.com
www.leonardo.com/dusit