กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--ป.กก.
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(ป.กก.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ในงาน “LIGHT UP PHUKET” โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจจังหวัดภูเก็ต ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รวมถึงญาติผู้ประสบภัยสึนามิ สื่อมวลชน ร่วมงานรำลึกและไว้อาลัยในเหตุการณ์สึนามิ“LIGHT UP PHUKET” ในครั้งนี้อย่างคับคั่ง ณ บริเวณสวนสาธารณะโลมา (หาดป่าตอง) อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2553
นายสมบัติ คุรุพันธ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดงาน “LIGHT UP PHUKET”ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกและไว้อาลัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวไทย/ต่างชาติ ที่ประสบภัยธรรมชาติจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิถล่มชายฝั่งอันดามัน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 โดยจังหวัดภูเก็ต จะมีการจัดงานเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ในวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี โดยจะร่วมกันจัดให้มีพิธีรำลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์สึนามิ จำนวน 5,395 คน นอกจากจะเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไปแล้ว ยังเป็นย้ำเตือนให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในการเรียนรู้ การอยู่ร่วมกับภัยธรรมชาติ และการป้องกันการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินจากภัยสึนามิ ซึ่งในปีนี้ จัดขึ้นเป็นปีครบรอบ 6 ปีของการเกิดสึนามิ มีการทำบุญตักบาตร บริเวณพื้นที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดป่าตอง บริเวณสุสานไม้ขาว บริเวณหาดกมลาซึ่งสมาคมญี่ปุ่น-ภูเก็ต มีการจุดเทียนรำลึก หรือไลฟ์อัพภูเก็ต ที่บริเวณชายหาดป่าตอง เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งกระตุ้นเตือนให้ทุกคนมีความตระหนักและหาแนวทางในการป้องกันและลดความสูญเสียจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น โดยกำหนดพื้นที่จัดงานไว้ 3 จุดหลัก คือ อำเภอกะทู้ 2 จุด ที่หาดป่าตอง และหาดกมลา ส่วนอีกจุดบริเวณกำแพงรำลึกสึนามิ อำเภอถลาง สำหรับพิธีการในแต่ละจุดนั้น ที่หาดป่าตอง ในช่วงเช้ามีพิธีทางศาสนา บริเวณสวนสาธารณะโลมา และช่วงค่ำ มีการ จุดไฟตามชายหาดสวนสาธารณะโลมา เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ส่วนหาดกมลา สมาคมญี่ปุ่นในจังหวัดภูเก็ต จัดพิธีรำลึกที่อนุสรณ์สถานสึนามิ ซึ่งสอดรับช่วงนี้ ที่มีข่าวลือที่แพร่สะพัดอย่างมากว่าจะเกิดเหตุการณ์สึนามิ ดังนั้นขอวอนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ไม่ต้องวิตกกังวล หรือตื่นตระหนกตามข่าวลือที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมในการแจ้งเตือนหากเกิดแผ่นดินไหว หรือสึนามิ และมีการจัดระบบการอพยพประชาชน นักท่องเที่ยวไปอยู่ในที่ปลอดภัย ตามแผนที่ซักซ้อมกันเป็นประจำ ขอให้นักท่องเที่ยว และประชาชนมั่นใจได้ว่า หากเกิดสึนามิขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งเตือนและอพยพนักท่องเที่ยวและประชาชน ไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
นายสมบัติ กล่าวทิ้งท้ายถึง ภาพรวมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2550-2552 ถือว่าค่อนข้างดี และมีผลกระทบรอบข้างจากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และภัยต่างๆค่อนข้างน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ โดยปี 2550 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,005,653 คน แยกเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว จำนวน 3,283,410 คน คนไทย จำนวน 1,722,243 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 94,239.52 ล้านบาท ปี 2551 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,313,308 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 101,684.44 ล้านบาท ปี 2552 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 3,375,931 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 94,006.88 ล้านบาท ส่วนในปี 2553 คาดว่านักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จะมีจำนวน 5 ล้านคน มีรายได้จาการท่องเที่ยวประมาณ 100,000 ล้านบาท อันผลสืบเนื่องจาก ปัจจัยหลายๆอย่างที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ต หรือ ไข่มุกแห่งอันดามัน เป็นจุดหมายปลายทางระดับนานาชาติ(International Destination) ได้ค่อนข้างดี ไม่ว่า 1) ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเจ้าประจำ โดยเฉพาะตลาดหลัก 5 อันดับแรกของจังหวัดภูเก็ต(เรียงตามลำดับ) คือ ออสเตรเลีย สวีเดน & nbsp;สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล ที่นิยมจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง 2) ตลาดนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียระยะใกล้ ที่มีแนวโน้มที่ดี คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งตลาดเกาหลี และจีน 3) กลุ่มตลาดใหม่อย่างตลาดตะวันออกกลาง มีความสนใจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น อิหร่าน 4) จังหวัดภูเก็ต มีสนามบินนานาชาติ ซึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถบินตรงเข้ามายังภูเก็ตได้ โดยไม่ต้องเดินทางผ่านกรุงเทพฯ 5) จังหวัดภูเก็ต มีพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล และมีชายหาด ที่สวยงาม ติดอันดับโลก ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวทางทะเลที่หลากหลาย 6) จังหวัดภูเก็ต มีระบบสารณูปโภคค่อนข้างดี มีโรงแรม/ที่พัก ที่ได้มาตรฐานสากล อย่างเพียงพอ และมีการพัฒนามาตรฐานการบริการที่เป็นสากล เหตุผลเบื้องต้นเหล่านี้ จึงทำให้กลุ่มอันดามัน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นอันดับต้นๆของประเทศต่อเนื่อง ตลอดทั้งปี และมีผลกระทบทางการเมืองน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆของประเทศ อีกทั้งจังหวัดภูเก็ต สามารถสร้างแบรนด์(Phuket Branding)เป็นของตนเอง โดยไม่ต้องอ้างอิงประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(นายชุมพล ศิลปอาชา) มีนโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่จะผลักดันให้เมืองท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ให้มีการโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ โดยการสร้างชื่อ/แบรนด์พื้นที่ท่องเที่ยวเป็นของตนเอง หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง เหตุการณ์ทางธรรมชาติ หรือโรคระบาดต่างๆ จะได้ไม่สร้างผลกระทบซึ่งกันและกัน ในวงกว้าง แต่จะจำกัดเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุนั้นๆเท่านั้น ดังนั้นจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นตัวอย่างเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับโลกได้เป็นอย่างดี บนพื้นฐานของการเป็นผู้นำของกลุ่มอันดามัน ที่มีมาตรฐานทั้งความปลอดภัย มาตรฐานการบริการ และมาตรฐานบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นสากลและยอมรับในระดับนานาชาติ กล่าวได้ว่า “ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวโลก” นั้นเอง