กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
อธิบดีวินัยโชว์เด่นผลงาน ๓ เดือน เตรียมสร้างทาวเวอร์พาณิชย์ในที่ราชพัสดุย่านพญาไทมูลค่าเกือบ ๒,๒๐๐ ล้านบาท พร้อมเร่งประเมินราคาอาคารชุดทั่วประเทศกว่า ๖,๐๐๐ แห่ง
อธิบดีกรมธนารักษ์ เผยผลงานช่วง ๓ เดือนภายหลังเข้ารับตำแหน่ง เตรียมสร้างอาคารสูงเพื่อให้หน่วยราชการใช้พื้นที่ทำงานและบางส่วนเช่าเชิงพาณิชย์ในที่ราชพัสดุย่านพญาไท มูลค่าประมาณ ๒,๒๐๐ ล้านบาท พร้อมพัฒนาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หาผู้บริหารโรงแรมและศูนย์ประชุมแบบครบวงจร หวังหารายได้เข้ารัฐกว่า ๓๐๐ ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังเร่งให้เจ้าหน้าที่ประเมินราคาอาคารชุดทั่วประเทศที่มีการก่อสร้างกว่า ๖,๐๐๐ แห่ง
วันนี้ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓) ณ กรมธนารักษ์ นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์มีแผนพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อสร้างมูลค่าและเพิ่มรายได้เข้ารัฐมากขึ้น ในเบื้องต้นได้นำที่ราชพัสดุแปลงบรรษัทบริหารสินทรพัย์สถาบันการเงิน หรือ บบส.เดิม เนื้อที่ ๕ ไร่เศษ เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานให้หน่วยงานราชการใช้ โดยเฉพาะหน่วยงานของกระทรวงการคลังที่มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่การทำงานให้สอดคล้องกับภารกิจและรองรับการบริการจากภาคประชาชน เช่น สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่มีความจำเป็น ส่วนที่เหลือให้เช่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้ศูนย์บริการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว มีมูลค่าเกือบ ๒,๒๐๐ ล้านบาท รูปแบบอาคารเป็นสถาปัตยกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมี 2 อาคารเชื่อมต่อกัน
สูง ๒๔ ชั้น กับ ๑๘ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๗๕,๐๐๐ ตารางเมตร อยู่ระหว่างเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มโครงการต้นปี ๒๕๕๔
นายวินัย กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการพัฒนาพื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ขณะนี้ได้มีการก่อสร้างโรงแรมสูง ๑๐ ชั้น จำนวน ๒๐๔ ห้อง ห้องประชุม จำนวน ๓๘ ห้อง สามารถรองรับผู้เข้าประชุมได้ตั้งแต่ ๑๐๐-๘๐๐ คน รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด ๑๗,๔๐๐ ตารางเมตร เสร็จแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการสรรหาผู้บริหารมืออาชีพมาดำเนินการ คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงต้นเมษายน ๒๕๕๔ และจะมีรายได้เข้ารัฐอีกกว่า ๓๐๐ ล้านบาทต่อปี
ในช่วงปีที่ผ่านมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และความเจริญเติบโตจากการขยายตัวของระบบการขนส่งและการคมนาคม รวมทั้งการรองรับการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และรถราง ส่งผลให้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างห้องพัก อาคารชุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดปริมณฑล และต่างจังหวัดที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจและท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า ๖,๐๐๐ แห่ง ประกอบกับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ จะต้องประกาศราคาที่ดินสำหรับ
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ทำให้ภารกิจด้านการประเมินราคาที่ดินและอาคารชุด ต้องเร่งลงพื้นที่เพื่อสำรวจราคาให้สะท้อนกับราคาตลาดหรือใกล้เคียงสภาพความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ซื้อห้องชุดให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมกับกรมที่ดิน ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ได้ลงพื้นที่ออกสำรวจทุกจังหวัดทั่วประเทศแล้ว จึงใคร่ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของทุกท่านด้วย