กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(ป.กก.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ในงาน “LIGHT UP PHUKET” โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ อย่างน้อย จำนวน 6 ชาติ อาทิ รัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย มาเลเซีย อังกฤษ อเมริกา เป็นต้น หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจจังหวัดภูเก็ต ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รวมถึงญาติผู้ประสบภัยสึนามิ ร่วมงานรำลึกและไว้อาลัย ตลอดจนจุดเทียนรำลึก ในเหตุการณ์สึนามิ “LIGHT UP PHUKET” ในครั้งนี้อย่างคับคั่ง ณ บริเวณสวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต
นายสมบัติ คุรุพันธ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดงาน “LIGHT UP PHUKET” ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกและไว้อาลัย ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติ ที่ประสบภัยธรรมชาติจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิถล่มชายฝั่งอันดามัน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 โดยจังหวัดภูเก็ต จะมีการจัดงานเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ในวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี โดยจะร่วมกันจัดให้มีพิธีรำลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์สึนามิ จำนวน 5,395 คน นอกจากจะเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไปแล้ว ยังเป็นย้ำเตือนให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตื่นตัวอยู่ ตลอดเวลา ในการเรียนรู้ การอยู่ร่วมกับภัยธรรมชาติ และการป้องกันการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินจากภัยสึนามิ ซึ่งในปีนี้ จัดขึ้นเป็นปีครบรอบ 6 ปีของการเกิดสึนามิ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ชายหาดป่าตอง เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งกระตุ้นเตือนให้ทุกคนมีความตระหนักและหาแนวทางในการป้องกันและลดความสูญเสียจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ มีข่าวลือที่แพร่สะพัดอย่างมากมายในพื้นที่อันดามัน ว่าจะเกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้นอีก ดังนั้นขอวอนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ไม่ต้องวิตกกังวล หรือตื่นตระหนกตามข่าวลือที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมในการแจ้งเตือนภัย หากเกิดแผ่นดินไหว หรือสึนามิ และมีการจัดระบบการอพยพประชาชน นักท่องเที่ยวไปอยู่ในที่ปลอดภัย ตามแผนที่ซักซ้อมกันเป็นประจำ ขอให้นักท่องเที่ยว และประชาชนมั่นใจได้ว่า หากเกิดสึนามิขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้ง เตือนและอพยพนักท่องเที่ยวและประชาชน ไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
นายสมบัติ กล่าวทิ้งท้ายถึง ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ในปี 2553 ตนเองมั่นใจว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวนประมาณ 15.8 ล้านคน อย่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2553 นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีจำนวนมากเป็นพิเศษ ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวไม่ว่าเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ชลบุรี ระยอง พังงา กระบี่ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2550-2552 ถือว่าค่อนข้างดี และถึงแม้จะมีผลกระทบรอบข้างจากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และภัยต่างๆแต่ก็ค่อนข้างน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ โดยปี 2550 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,005,653 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 94,239.52 ล้านบาท ปี 2551 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,313,308 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 101,684.44 ล้านบาท ปี 2552 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 3,375,931 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 94,006.88 ล้านบาท ส่วนในปี 2553 คาดว่านักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จะมีจำนวน 5 ล้านคน มีรายได้จาการท่องเที่ยวประมาณ 100,000 ล้านบาท อันผลสืบเนื่องจาก ปัจจัยหลายๆอย่างที่ส่งเสริมและสนับสนุนจังหวัดภูเก็ต “ไข่มุกแห่งอันดามัน” เป็นจุดหมายปลายทางนานาชาติ(International Destination) ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่า 1) ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเจ้าประจำ โดยเฉพาะตลาดหลัก 5 อันดับแรกของจังหวัดภูเก็ต คือ ออสเตรเลีย สวีเดน สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล ที่นิยมจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง 2) ตลาดนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียระยะใกล้ ที่มีแนวโน้มที่ดี คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งตลาดอินเดีย เกาหลี และจีน 3) กลุ่มตลาดใหม่อย่างตลาดตะวันออกกลาง มีความสนใจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น อิหร่าน 4) จังหวัดภูเก็ต มีสนามบินนานาชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถบินตรงเข้ามายังภูเก็ตได้ โดยไม่ต้องเดินทางผ่านกรุงเทพฯ 5) จังหวัดภูเก็ต มีพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล และมีชายหาด ที่สวยงาม ติดอันดับโลก ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวทางทะเลที่หลากหลาย 6) จังหวัดภูเก็ต มีระบบสารณูปโภคค่อนข้างดี มีโรงแรม/ที่พักที่ได้มาตรฐานจำนวนมาก และมีการพัฒนาการบริการที่เป็นสากล เหตุผลเบื้องต้นเหล่านี้ จึงทำให้กลุ่มอันดามัน-จังหวัดภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นอันดับต้นๆของประเทศต่อเนื่อง ตลอดทั้งปี และมีผลกระทบทางการเมืองน้อยกว่าภูมิภาคอื่น อีกทั้งจังหวัดภูเก็ต สามารถสร้างแบรนด์(Phuket Branding)เป็นของตนเอง โดยไม่ต้องอ้างอิงประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(นายชุมพล ศิลปอาชา) มีนโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่จะผลักดันให้เมืองท่องเที่ยวไม่ว่า ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ให้มีการโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ โดยการสร้างชื่อ/แบรนด์พื้นที่ท่องเที่ยวเป็นของตนเอง หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง เหตุการณ์ทางธรรมชาติ หรือโรคระบาดต่างๆ จะได้ไม่สร้างผลกระทบซึ่งกันและกัน ในวงกว้าง แต่จะจำกัดเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุนั้นๆเท่านั้น ดังนั้นจังหวัดภูเก็ต ถือว่า เป็นตัวอย่างเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่สามารถผลักดัน พัฒนาและส่งเสริมไปสู่ระดับโลกได้เป็นอย่างดี บนพื้นฐานของตนเองได้ แต่จะต้องมีการพัฒนามาตรฐาน ทั้งความปลอดภัย มาตรฐานการบริการ และมาตรฐานบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติให้มากขึ้น ตลอดจนการบริหารจัดการระบบสาธาณูปโภค/สาธาณูปการ ให้เพียงพอกับประชากรจริง ประชากรแฝง และนักท่องเที่ยว จึงจะกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบว่า “ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวระดับโลก” อีกทั้งจังหวัดภูเก็ต สามารถส่งเสริมและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและกีฬาทางน้ำ ในลักษณะท่องเที่ยวเชิงกีฬา(Sport Tourism)ได้ ทั้งนี้รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เลือกจังหวัดภูเก็ต เป็นเจ้าภาพระดับนานาชาติ ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ในปี 2014 ด้วย