สายการบินเอมิเรตส์เปิดเส้นทางบินใหม่สู่เจนีวา

ข่าวท่องเที่ยว Monday December 27, 2010 18:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ เอมิเรตส์ สายการบินที่ได้รับรางวัลสายการบินยอดเยี่ยม เปิดเส้นทางการบินสู่เมืองลำดับที่สองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สายการบินเอมิเรตส์วางแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 โดยเป็นบริการเที่ยวบินทุกวันจากประเทศไทยไปยังจุดเชื่อมต่อที่ดูไบ และสุดท้ายมุ่งสู่เจนีวา เจนีวา หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญด้านการธนาคารและการเงินระดับโลก กำลังจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางลำดับที่ 111 ของสายการบินเอมิเรตส์ และยังเป็นจุดหมายปลายทางลำดับที่ 26 ที่สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการในทวีปยุโรป เมืองเจนีวาเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรทั้งของภาครัฐบาลและเอกชนกว่า 300 องค์กร ได้แก่ องค์การสหประชาชาติในเจนีวา, องค์การการค้าโลก และองค์การอนามัยโลก “สายการบินเอมิเรตส์ได้เริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2535 โดยเป็นเที่ยวบินจากดูไบไปเมืองซูริค การเปิดเที่ยวบินไปยังเจนีวาซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางล่าสุดในยุโรปนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราต่อประเทศที่สำคัญนี้” ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือ กล่าว “จากการสำรวจของเราได้แสดงให้เห็นว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางการบินที่มีความต้องการสูงจากกลุ่มลูกค้าทั้งภาคธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงิน และนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในช่วงฤดูร้อนและผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว” ชี้ค อาเหม็ด กล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2554 เที่ยวบิน EK 419 จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 02.40 น. ถึงดูไบเวลา 05.45 น. จากนั้นต่อด้วยเที่ยวบิน EK 089 จากดูไบเวลา 08.55 น. และไปถึงเจนีวาเวลา 14.10 น. ส่วนเที่ยวบินขากลับเครื่องบิน EK 090 ออกจากสนามบินเจนีวาเวลา 15.40 น. ถึงดูไบเวลา 23.59 น. จากนั้นต่อด้วยเที่ยวบิน EK 384 จากดูไบ เวลา 03.15 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 12.25 น. เที่ยวบินสู่เจนีวาจะให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200LR และ โบอิ้ง 777-300ER พร้อมที่นั่งในทั้งสามชั้น ซึ่งประกอบด้วยที่นั่งแบบห้องสวีทส่วนตัวในชั้นหนึ่ง ที่นั่งแบบปรับนอนราบได้สำหรับชั้นธุรกิจ และห้องโดยสารที่กว้างขวางในชั้นประหยัด ยิ่งไปกว่านั้นผู้โดยสารของสายการบินเอมิเรตส์ในทุกเที่ยวบินยังได้รับสิทธิประโยชน์สำหรับน้ำหนักกระเป๋า โดยแบ่งเป็น 30 กิโลกรัมสำหรับที่นั่งชั้นโดยสารประหยัด 40 กิโลกรัมสำหรับที่นั่งโดยสารชั้นธุรกิจ และ 50 กิโลกรัมสำหรับที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยยังจะได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การเดินทางโดยเครื่องบินเอมิเรตส์ A380 ในช่วงของการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ ผู้โดยสารในทุกชั้นที่นั่งสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงภายบนเครื่องบิน ICE (information, communication, entertainment) ที่ให้จอดิจิตอลแบบกว้าง และนำเสนอช่องความบันเทิงกว่า 1,200 ช่องให้คุณได้เลือกรับชม ทั้งภาพยนตร์จากบล็อกบัสเตอร์ รายการทีวีและเพลงจากทั่วโลก นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว ผู้โดยสารยังสามารถลิ้มลองอาหารรสเลิศจากเมนูพิเศษที่ให้ บริการโดยลูกเรือเอมิเรตส์จากกว่า 120 ชาติ เอมิเรตส์คาดหวังว่าจะสามารถให้บริการขนส่งสินค้าได้ถึง 15-20 ตันต่อหนึ่งเที่ยวบิน โดยสินค้าที่ขนส่ง ได้แก่ นาฬิกาหรู และสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์ชั้นนำ สิ่งของนำเข้าทางการทูต และสิ่งของบรรเทาทุกข์สำหรับองค์การกาชาดสากล เช่น สารเคมี เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก ทั้งนี้ นักธุรกิจชาวไทยก็จะได้รับผลประโยชน์จากการเปิดเที่ยวบินใหม่นี้เช่นกันจากสินค้าหลักที่ประเทศไทยส่งออกไปยังเจนีวา อาทิ ผักและผลไม้เมืองร้อน โดยสินค้าดังกล่าวจะถูกส่งจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารในในทั่วทั้งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ปัจจุบัน สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบิน 2 เที่ยวบินระหว่างดูไบและซูริคเป็นประจำทุกวัน ภาพประกอบ เจนีวา 1 และ 2 — เจนีวากำลังจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางของสายการบินเอมิเรตส์ลำดับที่ 111 ของโลก และลำดับที่ 26 ในภูมิภาคยุโรป โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2554 เจนีวา 3 — เอมิเรตส์จะให้บริการเที่ยวบินใหม่สู่เจนีวาด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200LR (จากภาพ) และเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER สื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วรางคณา พวงศิริ / จุฑารัตน์ มณิปันตี สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ โทรศัพท์: 0-2653-2717-9 โทรสาร 0-2653-2720 อีเมล์: warangkana@spark.co.th, pae@spark.co.th เว็บไซต์: www.emirates.com/th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ