ก.ไอซีที เร่งผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติสู่การปฏิบัติ หวังเพิ่มมูลค่าการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอ.นิกส์

ข่าวทั่วไป Tuesday December 28, 2010 13:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--ก.ไอซีที นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะรองประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติตามที่กระทรวงฯ เสนอเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งในนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติได้มีการวางเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของคณะกรรมการธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ การเพิ่มสัดส่วนมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อ GDP ขึ้นเป็นร้อยละ 10 ภายในปี 2558 ดังนั้น คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องไว้ 4 แนวทาง คือ 1.ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการในธุรกิจทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับบรอดแบนด์ เช่น ผู้ประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ผลิตโปรแกรมประยุกต์ ผู้ผลิตเนื้อหา ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 2.พัฒนายกระดับบุคลากรผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศและโครงข่ายทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ 3.กำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบเชิงลบและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บริการบรอดแบนด์อย่างแพร่หลาย โดยการสร้างความเข้าใจแก่ทุกภาคส่วนเกี่ยวกับประโยชน์ และผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งดำเนินมาตรการอย่างจริงจังในการป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต การละเมิดข้อมูล ส่วนบุคคล และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ 4.สร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ของประเทศเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางปฏิบัติ ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ “ในการดำเนินงานตามแนวทางทั้ง 4 นั้น คณะกรรมการฯ ได้กำหนดภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังจะจัดตั้งขึ้น คือ สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สธอ.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)(สพธ.) นำไปปฏิบัติ โดย สธอ.มีภารกิจในการจัดทำนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากบรอดแบนด์ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การติดตามประเมินผลการใช้ประโยชน์จากบรอดแบนด์ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการจัดทำคุณสมบัติผู้เชี่ยวชาญ และระบบขึ้นทะเบียนผู้ตรวจสอบอิสระด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ จัดทำมาตรการป้องกันผลกระทบเชิงลบและภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ด้านสารสนเทศในเชิงบริหาร รวมถึงการติดตามและประเมินผลขณะที่ สพธ. มีภารกิจในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากบรอดแบนด์ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งจัดกิจกรรมพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ และจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบเชิงลบด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจเกิดขึ้นให้แก่ทุกภาคส่วน รวมถึงกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศเชิงปฏิบัติการให้กับบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในเชิงปฏิบัติการด้วย” นางจีราวรรณฯ กล่าว สำหรับการจัดตั้ง สพธ. นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 โดย สพธ. จะทำหน้าที่พัฒนาและขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งบทบาทและภารกิจต่างๆ จะต้องสอดคล้องตามแผนและนโยบายของกระทรวงฯ และแผนระดับประเทศ ส่วน สธอ.นั้นเป็น ส่วนราชการภายใต้สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลนโยบายและทิศทางการดำเนินงานด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะทำงานสอดประสานกันภายใต้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจในระดับนโยบายและกำกับดูแลทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว ? สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ