กรุงเทพฯ--29 ธ.ค.--โครงการทูบีนัมเบอร์วัน
ที่เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะที่ปรึกษาฯ นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 3 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ม.ล.ยุพดี ศิริวรรณ ที่ปรึกษาสำนักงานโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานชมรมและศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นทูบีนัมเบอร์วัน เรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งนำร่องโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ดร.พรรณสิริ กล่าวว่า นับเป็นโชคดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ในพระราชดำริของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ องค์ประธานโครงการฯ ที่มีแนวคิดให้ทุกคนเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด มุ่งเน้นส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ มีการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้รับการพัฒนาทักษะชีวิตและสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยดำเนินกิจกรรมในรูปแบบชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ในสถานศึกษา ชุมชน และสถานประกอบการ ซึ่งมีมากกว่า 3 แสนชมรม ปัจจุบันได้มีการขยายการจัดตั้งชมรมฯเข้าไปในเรือนจำ จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย จ.เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สระบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งเรือนจำกลางฉะเชิงเป็น 1 ใน 4 ที่ได้ดำเนินการแล้ว
”เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา” เป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ให้เข้าถึงประชาชนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนประชาชนที่พลาดพลั้งหลงผิด ซึ่งถือว่าเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้สามารถกลับมาเป็นคนดีของสังคมและเป็นพลังสำคัญในการรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดให้แก่ท้องถิ่นได้ การจัดตั้งชมรมทูบีนัมเบอร์วันในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ต้องอาศัยการบูรณาการร่วมจากหน่วยงานพันธมิตรจากหลายภาคส่วน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นคณะที่ปรึกษาชมรม ในการพัฒนาวิชาการต่างๆ เพื่อให้ผู้ต้องขังทั้งหมดได้ทำกิจกรรมที่ถนัด ทั้งด้านการเกษตร กีฬา ดนตรี การประพันธ์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยในการสันทนาการและการส่งเสริมอาชีพ ชมรม QCP ทูบีนัมเบอร์วัน บ.ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ท ที่เข้าร่วมกิจกรรมและแนะนำการจัดตั้งชมรมฯ แรงงานจังหวัด หน่วยงานพันธมิตรตาม”โครงการคืนคนดีสู่สังคม”ที่ทำMOU รับสมาชิกชมรมที่พ้นโทษเข้าทำงานในสถานประกอบการซึ่งมี 3 บริษัท คือ บ.ยีเอส ยัวซ่า สยามอินดัสตรีย์ บ.สยามไวร์ และ บ.โอ.พี.พี.จำกัด รวมทั้งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด ที่ให้การสนับสนุนด้านงานเผยแพร่ข่าวสารสู่สาธารณะ ทำให้การดำเนินงานจัดตั้งชมรมฯ ในเรือนจำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.พรรณสิริ กล่าว
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2554 จะขยายเพิ่มอีก 9 แห่ง ได้แก่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ทัณฑสถานหญิงจังหวัดนครราชสีมา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่น ทัณฑสถานหญิงจังหวัดสงขลา เรือนจำกลางจังหวัดชลบุรี เชียงราย สุราษฎรธานี สุพรรณบุรี และพิษณุโลก
ทางด้าน นายชาตพล อาภาสัตย์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา เผยว่า กรมราชทัณฑ์มีนโยบายน้อมนำพระราชดำริของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานฯ เข้ามาดำเนินการในเรือนจำ และได้มอบหมายให้เรือนจำกลางฉะเชิงเทราจัดตั้งโครงการทูบีนีมเบอร์วันขึ้น โดยได้นำกิจกรรมของชมรมฯ มาเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนผู้ต้องขัง ข้าราชการ พนักงานตลอดจนสมาชิกครอบครัว ให้มีศักยภาพเป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด มีการนำนวัตกรรมสื่อ ดนตรีและกีฬา A.D. To Be Number One มาเป็นเครื่องมือเผยแพร่/รณรงค์ กระตุ้นปลูกจิตสำนึกให้ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง ยั่งยืน ในการส่งเสริม สนับสนุนให้สมาชิกฯเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด พัฒนาให้กลับมาเป็นผู้มีพฤตินิสัยที่พึงประสงค์ ภายหลังการพ้นโทษสามารถที่จะกลับมาเป็นกำลังสำคัญให้สังคมได้ต่อไป
“ปัจจุบันมีสมาชิกประกอบด้วยผู้ต้องขัง 578 คน เป็นชาย 435 คน หญิง 143 คน จากผู้ต้องขังทั้งสิ้น 2,100 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 25 โดยมีการดำเนินกิจกรรม 8 ชมรม ได้แก่ มวยสากล มวยไทย ตระกร้อ ดนตรี เลี้ยงปลาสวยงาม เกษตรอินทรีย์ เพาะชำต้นไม้ ศิลปะการเพ้นท์แก้ว และเย็บปักถักร้อย ผลของการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งสมาชิกได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่เหมาะสม เช่น ได้ใช้เวลาว่าไปในทางสร้างสรรค์ มีจิตใจที่ดีงาม อ่อนโยน รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คิดฟุ้งซ่าน มีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น มีทักษะการรู้จักเลือก รู้จักปฏิเสธต่อสิ่งเร้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้อย่างเหมาะสม”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 025822965 ทูบีนัมเบอร์วัน