กรุงเทพฯ--29 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
“อเล็กซ์ เรนเดลล์” กับปฐมบท “หลุดสี่หลุด”
ประเดิมความหลอนระทึกใน “เกรียนล้างโลก”
บทบาท-คาแร็คเตอร์
ในเรื่อง “เกรียนล้างโลก” 1 ใน 4 ของโปรเจ็คต์ “หลุดสี่หลุด” ผมรับบทเป็น “โต้” ครับ โต้ก็จะเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความสนใจในเรื่องของการล้างโลก พวกไวรัสพอประมาณ แต่ก็ไม่ได้คลั่งอะไรมาก คือเห็นเป็นเรื่องสนุก น่าสนใจ คือชอบอะไรประมาณนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ชอบแค่คนเดียว แต่ก็จะมีเพื่อนในกลุ่มด้วยที่ชอบ ก็จะชอบพูดถึงเรื่องนี้ว่าจะมีไวรัสอะไรอีกบ้างหลังจากไข้หวัด 2009 แล้วจะมีอะไรมาล้างโลกอีกได้มั้ย อันนี้ก็เคยใช้ไปแล้วแต่ทำไมไม่ได้ผลเลย มันก็เป็นเหตุผลของคนกลุ่มนี้ที่ชอบมาเจอกัน แล้ววันหนึ่งมันมีไวรัสอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน แล้วด้วยความที่โต้เป็นคนที่ตรงในคำพูดของตัวเอง ก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะที่ผ่านมาที่ได้ทำมันไม่เคยสำเร็จซักอย่างก็ไม่เชื่อ แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองซึ่งมันร้ายแรงมาก
ตัวละครนี้มีแง่มุมที่เหมือนหรือต่างจากอเล็กซ์อย่างไร
ที่เหมือนก็เป็นวัยรุ่นช่วงนี้ อายุประมาณ 20 กำลังอยู่ในวัยเรียน ก็ชอบนะครับ โดยส่วนตัวก็ชอบอะไรประมาณนี้เวลามีข่าวอะไรแปลกๆ เราก็อยากติดตาม เราก็อยากจะรู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน เราก็เป็นประชาชนคนธรรมดา ก็อยากที่จะรับรู้สิ่งพวกนี้ด้วย แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือผมจะพยายามครีเอทออกมาให้มันแตกต่างจากตัวผมทั้งหมด ให้คนดูเชื่อว่ามันเป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะโรคจิตนิดนึง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นเท่าไหร่ มันก็จะต่างกันตรงนี้แหละครับ ที่มันโรคจิตนิดนึง
เรื่องราวของ “เกรียนล้างโลก”
ก็เป็นเรื่องของเพื่อน 4 คนมีผมที่เล่นเป็นโต้ แล้วก็นัท, บาส, เส่ง ที่นั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะๆ หนึ่งอยู่ตามร้านข้างทางนี่แหละ คือเราเล่นเป็นเหมือนเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่มีความสนใจในเรื่องโลกร้อนอะไรอย่างนี้ คือจะออกไปทางร้ายนิดนึง คืออยากจะเห็นโลกมันเคลียร์ๆ ไปบ้าง ก็มานั่งคุยกันเกี่ยวกับว่าเราจะทำยังไงให้โลกดีขึ้น โดยการคิดที่จะปล่อยไวรัสอะครับ ก็หาวิธีกันต่างๆ นานา ว่าจะทำยังไงให้โลกของเราดีขึ้น โดยที่แต่ละคนเนี่ยก็จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองว่าเราจะทำยังไงดี ว่าเราจะใช้วิธีไหน แต่ละคนก็ไปเจอเรื่องราวจากในเว็บก็มานำเสนอกัน แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนเหตุการณ์ที่เราพูดคุยกันอยู่นี้ มันเกิดขึ้นบ่อยมาก มันเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่เหมือนกับว่ามีคนหนึ่งมาเสนอว่ามันมีอะไรใหม่ขึ้นมาแล้วนะ แต่เหมือนพวกเราก็ไม่เชื่อ แต่ตัวผมเนี่ยมันจะเหมือนเป็นคนออกความคิดเห็น เวลาใครพูดอะไรก็จะคอยว่าคอยอะไร คือเป็นคนตรงๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นภายใน 10 นาทีที่ซึ่งมันเร็วมาก แล้วเราถ่ายเป็น One Shot ด้วย ซึ่งมันก็เป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ คือเป็น Long Take เลย เราก็ต้องซ้อมกันก่อน ทุกอย่างต้องเป๊ะ คือถ้าพลาดนิดเดียวมันต้องมาเริ่มใหม่หมด ไม่สามารถเข้าไปแทรกได้ จุดเด่นมันอยู่ตรงนี้จริงๆ นักแสดงทั้งหมดต้องพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ในการถ่ายแต่ละครั้ง
กว่าจะได้เป๊ะๆ อย่างที่บอก ถ่ายทำกันนานอยู่มากน้อยแค่ไหน
ก็ซ้อมกันตั้งแต่เช้าครับ พอเที่ยงก็แต่งหน้า เริ่มที่จะเข้ามาในบทบาท ซ้อมเสร็จก็ถ่ายไปกว่าจะเสร็จก็เกือบมืดครับ ถ่ายอยู่หลายเทค เพราะถ้าพลาดก็เริ่มใหม่หมด ซึ่งถ้าเอ็กซ์ตร้าคนไหนเดินพลาด ก็ต้องเริ่มใหม่หมด มันจะเสียเวลาตรงนี้ อย่างมีอยู่ช็อตหนึ่ง เกือบถึงจุดพีคแล้ว คือมีพร็อพ มีเลือดอะไรเต็มตัว แต่ดันพลาด เราก็ต้องเริ่มใหม่อาบน้ำใหม่หมดเลยอะไรอย่างนี้ครับ
การร่วมงานกับผู้กำกับ-ผู้เขียนอย่างพี่เอกสิทธิ์เป็นยังไงบ้าง
ก็สำหรับพี่เอกสิทธิ์นะครับผู้กำกับของเรา ก็อย่างอื่นก็ต้องบอกก่อนเลยว่าพี่เอกเนี่ยเป็นคนที่มีความสามรถในการเขียนการ์ตูนมาก เราจะสามารถติดตามผลงานของพี่เอกได้จากเรื่อง “13 เกมสยอง” ใช่มั้ยครับ พี่เอกก็เขียนบทกับพี่มะเดี่ยว แล้วก็ “บอดี้ ศพ#19” แล้วก็ยังคงมีการ์ตูนอีกหลายเรื่อง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าตอนแรกที่เราเห็นพี่เอกเนี่ยถึงจะเป็นคนเงียบๆ พูดน้อย แต่ก็ทุ่มเทและก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถจริงๆ ครับ แล้วก็ภาพที่ออกมาในสตอรี่บอร์ดเนี่ยพี่เอกจะเป็นคนวาดเองทั้งหมด แล้วก็ภาพทุกอย่างจะเป๊ะๆๆ ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ก็คือเจอกันวันแรกก็ได้คุยกับพี่เขาว่าพี่ต้องการแบบไหน เพราะผมก็อยากเขาไปให้ถึงในจินตนาการพี่เขาให้มากที่สุด เวลาที่ไวรัสมันโดนเรามันจะเป็นอย่างไร มันจะช้อต มันจะชา หรือมันจะเป็นยังไง เราก็พยายามเรียนรู้ให้มากที่สุด ซึ่งเขาก็เป็นคนที่รับฟัง เราก็บอกว่าผมคิดว่าอย่างนี้นะ หลังจากที่ได้อ่านบทแล้วมันเป็นแบบนี้นะ แล้วพี่เอกว่าไง เขาก็จะมีฟีดแบ็คกลับมา หรือจะต้องมีอะไรเพิ่มเติมมั้ย แกก็จะบอกเลยว่าตรงนี้โอเคนะ ตรงนี้ต้องเพิ่มหน่อย คือเป็นผุ้กำกับที่ค่อนข้างจะ Communicate ในเรื่องการแสดงได้ง่ายมากครับ เราก็คิดคล้ายๆ กัน ถือว่าร่วมงานกันได้ด้วยดี
แล้วกับแก๊งเกรียนในเรื่องเป็นไงบ้าง
ก็สนุกดีครับ เราต้องทำความรู้จัก เพราะในเรื่องเราสนิทกันพอสมควร เหมือนเป็นแก๊งที่เรารู้จักกันมานานแล้ว และสนใจในเรื่องที่เหมือนกัน ซึ่งเจอกันวันแรกเราก็ต้องทำความรู้จักกัน ไม่มีเวลามานั่งเก๊กใส่กัน คือเราต้องทำความรู้จักกันเลย ก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ มันก็ทำให้ทุกอย่างมาราบรื่น แล้วนักแสดงทุกคนก็จำบทกันมาแม่นมาก เพราะมันต้องเทคเดียว คือทุกคนก็ทำการบ้านมาอย่างดี ก็ถือว่าดีมากครับ
แสดงว่า Long Take มันเป็นทั้งจุดเด่น และอุปสรรคในการถ่ายทำหรือเปล่า
จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ เพราะตากล้องเองเขาก็ต้องวนให้ได้จังหวะ อย่างตากล้องก็ต้องจำไดอะล็อคให้ได้ มันจะแพนกล้องตรงไหน ขึ้นเครนอะไรยังไง แล้วเวลาจะขึ้นบันไดก็ต้องแบกกล้องอยู่บนบ่าตลอดเวลา ผมว่าตากล้องนี่เหนื่อยที่สุดแล้ว มันก็เป็นอุปสรรคที่ท้าทายของทุกคน มันพลาดไม่ได้ แล้วไม่มีใครอยากพลาดด้วยเพราะว่าพอพลาดแล้วมันก็ต้องเริ่มใหม่หมด ไม่มีใครอยากเป็นคนที่พลาดครับ ทุกคนก็ต้องทำการบ้านมาให้ดี
มีความกดดันหรือเครียดบ้างมั้ย
ก็ไม่นะครับ แต่จะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เพราะผมไม่เคยดูหนังแบบนี้มาก่อน ไม่เคยได้ยินว่ามีคนทำด้วยซ้ำ คือตอนที่เขาบอก ผมยังไม่ได้อ่านบทเลยด้วยซ้ำ แต่พอเขาบอกว่าถ่ายเป็นเทคเดียว ผมรู้เลยว่าต้องเล่นด้วยแน่นอน เพราะว่ามันไม่ได้มีมาบ่อยๆ แล้วเราอยากมีส่วนร่วมในการทำอะไรที่ท้าทายแบบนี้บ้างครับ
ความน่าสนใจของโปรเจ็คต์ของ “หลุดสี่หลุด”
สำหรับโปรเจ็คต์ “หลุดสี่หลุด” ก็มีนักแสดงอย่างพี่อนันดา, พี่บอย ปกรณ์ และคนอื่นๆ อีกเพียบ รวมถึงผู้กำกับที่เก่งๆ ทั้งนั้นนะครับ ผมว่าน่าจะมัน น่าจะเป็นหนังที่ทำให้เรานั่งอยู่ไม่สุขนะครับ ต้องคอยติดตามอยู่เรื่อยๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เพราะว่าขนาดเราเล่นเองเรายังไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น คือผมว่ามันมีเสน่ห์หลายอย่างและมันมีอะไรลึกๆ อยู่ที่แต่ละคนก็จะคิดไม่เหมือนกัน ก็อยากให้มาลองตีความอะไรกันดูเอง ก็ฝากหนังเรื่องนี้ด้วยครับว่าต้องสนุกและมันส์อย่างที่คุณต้องการแน่นอน และมันน่าจะมีอะไรเยอะแยะให้มานั่งคุยกันต่อได้ครับ