กรุงเทพฯ--30 ธ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
กระทรวงการคลังเข้มงวด งดเบิกค่ายาในกลุ่มยาบรรเทาอาการข้อเสื่อม ที่ไม่มีความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพไม่ชัดเจนว่าสามารถรักษาการข้อเสื่อมได้
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งมีท่านปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์หลายท่านร่วมเป็นกรรมการ เพื่อจัดทำมาตรการกำกับดูแลการใช้ยาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานวิชาการ ทางการแพทย์ เพื่อศึกษาทบทวนเกี่ยวกับบัญชียาหลักแห่งชาติ คณะทำงานฯ ได้มีการสืบค้น รวบรวมเอกสารงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับประสิทธิผลและความค ุ้มค่าจากการใช้ยา โดยเฉพาะการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ พบว่าสถานพยาบาลหลายแห่งมีสัดส่วนการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติมากถึง ร้อยละ ๖๐ — ๗๐ และใช้จ่ายงบประมาณสูงมาก โดยเฉพาะโรคข้อและกระดูกมีการสั่งยาที่อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติและมีราคาแพงมาก คณะทำงานฯ จึงมีการศึกษา รวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการรักษาของกลุ่มยาประเภทบรรเทาอาการข้อเสื่อมที่ออกฤทธิ์ช้า ชื่อทางการแพทย์คือกลุ่มยา SYSADOA (กลูโคซามีน คอนดรอยตินซัลเฟต และไดอะเซอเรน) ทุกรูปแบบ และกลุ่มยาที่ฉีดเข้าข้อบรรเทาอาการข้อเสื่อม (ไฮยาลูโรแนนและอนุพันธ์) จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พบ ว่า มีประสิทธิผลในการรักษาไม่ชัดเจน และมักพบในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือประเภทวิตามิน ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ทางการแพทย์ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ไตวาย ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้น การใช้ยาโดยไม่มีข้อบ่งชี้ว่าสามารถรักษาอาการของโรคได้อาจไม่เกิดประโยชน์และไม่คุ้มค่ากับราคายาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีหนังสือสั่งการกำหนดให้กลุ่มยาดังกล่าวเป็นรายการที่ห้ามเบิกจ่ายจากระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ตามที่คณะทำงานวิชาการทางการแพทย์เสนอ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี ในทางการแพทย์ถ้าแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าการสั่งยากลุ่มดังกล่าวเพื่อบรรเทาอาการหรือเพื่อเป็นวิตามินเสริมให้แก่ผู้ป่วยก็สามารถสั่งใช้ยาได้ โดยผู้ป่วยต้องชำระค่าใช้จ่ายเองจะนำมาเบิกจ่ายในระบบสวัสดิการไม่ได้
โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)เป็นภาวะเสื่อมที่มีผลต่อข้อและเนื้อเยื่อของข้อ มีอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อมีการใช้งานของอวัยวะส่วนนั้น ต่อมามีอาการข้อบวม ฯลฯ เมื่ออาการมากในขั้นท้ายๆ ข้อจะมีลักษณะผิดรูปผิดร่าง นอกจากการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหรือการอักเสบเพื่อป้องกันการลุกลามของโรคแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าจะเป็นประโยชน์
กลูโคซามีนซัลเฟต (Glucosamine sulfate)เป็นสารประกอบที่พบในรูปแบบของยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยทั่วไปมักรับประทานในขนาดวันละ ๑๕๐๐ มิลลิกรัม
การศึกษาในหลอดทดลองจากการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่ากลูโคซามีนซัลเฟตมีผลกระตุ้นการสังเคราะห์และยับยั้งการสลายตัวของโปรติโอไกลแคน (Proteoglycans) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่กันการกระแทกระหว่างกระดูกข้อ นอกจากนี้กลูโคซามีนยังแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างอ่อนๆด้วย
การศึกษาทางคลินิกสำหรับการศึกษาทางคลินิก (การศึกษาในมนุษย์) พบว่า ผลการรักษาคล้ายคลึงกับยาต้านการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)แต่ผลเริ่มต้นจะช้ากว่า และการบรรเทาอาการจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่รวดเร็วเหมือนการใช้ยา ผลการบรรเทาอาการมีตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงมาก (รายงานการศึกษา ๑๔ ใน๑๕ ฉบับ) ข้อดีของกลูโคซามีนซัลเฟต เหนือ ยาต้านการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)คือ ชะลอการเคลื่อนตัวเข้าหากันของข้อกระดูกที่ข้อเข่า เห็นผลนี้ชัดเจนเมื่อใช้ในระยะยาว ตั้งแต่ ๑ ปีขึ้นไปและต่อเนื่องไป ชัดเจนมากขึ้นอีกหลัง ๓ ปี
อาการไม่พึงประสงค์ ที่พบบ่อย คือ คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบท้อง ปวดท้อง อาการอื่นๆที่พบไม่บ่อยคือ มึนงง ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ บวม อาการทางผิวหนัง หัวใจเต้นเร็ว
ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้ในคนที่แพ้อาหารทะเล เนื่องจากกลูโคซามีนอาจเตรียมจากสัตว์ทะเล อาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้