กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
สัมภาษณ์หนุ่มมาดเข้ม “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์”กับการพลิกบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์เรื่อง “หลุด4หลุด”ตอน “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด”
บทบาท-คาแร็คเตอร์
เรื่องนี้ผมรับบทเป็น “ธาดา” ครับ ก็เป็นพนักงานออฟฟิศหนุ่มที่ทะเยอทะยานและก็มีความเห็นแก่ตัว ทำทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ใช้เพื่อนร่วมงาน และก็ใช้การเลียแข้งเลียขาเจ้านายในการที่จะไต่เต้าตำแหน่งขึ้นมาจนเป็นผู้จัดการแผนกของบริษัท
ถือว่าเป็นการพลิกคาแร็กเตอร์ตัวเองจากเรื่องอื่นๆ
ก็ถือว่าพลิกบทได้นะครับ เพราะว่าบทนี้มันก็มีความร้ายอยู่ในตัวลึกๆ ข้างในอะไรแบบนี้ ไม่ได้แสดงออกมามาก ก็เหมือนเป็นการแสดงออกด้านมืดของตัวละครด้วย ก็สนุกดีครับ ไม่ค่อยได้เล่นอะไรแบบนี้
แล้วตัวธาดาต้องไปเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้างถึงทำให้ไปเกี่ยวพันกับ “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด”
คือในเรื่องนี้เนี่ยมันเหมือนเปิดเรื่องมาด้วยธาดาได้รับตำแหน่งผู้จัดการแผนก ก็จะมีผู้คนมากมายในแผนกในบริษัทเอาของขวัญมาให้เหมือนเป็นการแสดงความยินดี โดยที่ธาดาเองไม่รู้เลยว่าผู้คนเหล่านี้เนี่ยมุ่งร้ายคิดไม่ดีกับเขา แล้วของขวัญที่เอามาให้เนี่ยก็ซื้อมาจากร้านของขวัญร้านหนึ่งที่เหมือนจิตๆ หน่อย คนขายก็จะแบบจิตๆ หน่อย ของขวัญหน้าตาธรรมดาเหมือนของใช้ทั่วไปนี่แหละครับ แต่มันจะพิสดารตรงที่คนที่ใช้ของพวกนี้จะเจอแต่เรื่องร้ายๆ ประโยชน์ที่จะได้ไม่มี มีแต่เรื่องเจ็บตัว แล้วของบางชิ้นก็ใช้ฆ่าคนได้ด้วย มันก็เลยทำให้ธาดาต้องไปเจอกับเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้เขาแทบเอาชีวิตไม่รอด
ในเรื่องนี้แบบว่าต้องโทรมมากและสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน
เยอะมากครับ โดนจัดให้หนักเลยครับ เพราะว่าในเรื่องเนี่ยพอตัวธาดาเริ่มรู้ว่าของขวัญที่ได้รับมาเนี่ย มันเริ่มเป็นของขวัญที่เป็นภัยกับตัวเอง เขาก็เริ่มที่จะจิตตก เริ่มที่จะคิดมาก คิดไปโน่นคิดมานี่ เพราะว่าธาดาผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโดนรถชนหรือว่าโดนฟ้าผ่า หรืออะไรอีกเยอะแยะ แล้วมีฉากนึงเป็นฉากรางรถไฟ ฉากนี้จัดหนักมากครับ ผมก็ต้องเจอทั้งฝน ทั้งเลือด ทั้งแต่งเอฟเฟ็คต์ แถมถ่ายไปถ่ายมาดันโดนไฟช็อตตรงรางรถไฟอีก สะดุ้งเลยครับ เรื่องนี้โทรมที่สุดตั้งแต่เล่นมาเลยครับ แต่ก็มันดี นานๆ ได้เล่นอะไรแบบนี้ซักทีครับ
ความยากง่ายระหว่างการเล่นหนังยาวกับหนังสั้นแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
มันจะแตกต่างตรงการเล่าเรื่องมากกว่าครับ เพราะว่าในเรื่องเนี่ยเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่ 2 วันหรือ 3 วัน และด้วยความที่เป็นหนังสั้นเนี่ยมันเหมือนกับว่าเราต้องประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดเข้ามา แล้วมันเหมือนกับไม่มีเวลาเล่าเรื่องเท่าไรนะครับ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องบิ๊วอารมณ์ตัวเองอย่างหนักอะไรแบบนี้ด้วย ตรงนี้ก็อาจจะทำให้การแสดงยากขึ้นมาอีกหน่อยครับ มันจะอัดๆ เข้ามา ไม่ค่อยมีช่วงที่ผ่อนคลายเท่าไหร่ครับ
การร่วมงานกับนักแสดงในเรื่อง
ครับ ในเรื่องนี้นอกจากผมแล้วก็ยังมี “พี่โจ๊ก” (อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) กับ “พี่อ๊อฟ” (ปริญญา งามวงศ์วาน) ที่มาเล่นด้วย ความจริงกับพี่โจ๊ก-พี่อ๊อฟเนี่ย ผมเป็นแฟนหนังเขานะ ผมก็ติดตามหนังเขามาตั้งแต่ “โกลคลับฯ” แล้วก็มา “อหิงสาฯ” แล้วก็หนังทุกเรื่องที่เขาเล่น ผมรู้สึกว่าพี่ 2 คนนี้เขาเล่นกวน.. เป็นธรรมชาติมากๆ อะไรแบบเนี้ย ชอบมากเลยครับ และตอนแรกพอรู้ว่าจะได้เล่นกับพี่โจ๊กก็ดีใจ เพราะว่าก็ติดตามผลงานเขามาตลอด แล้วมารู้อีกทีหนึ่งว่าพี่อ๊อฟก็มาเล่นด้วยก็ยิ่งดีใจเข้าไปอีก และพอเล่นกับเขาแล้วเนี่ย โดยเฉพาะพี่อ๊อฟเนี่ยเล่นเป็นเจ้าของร้านขายของขวัญ แบบคาแร็คเตอร์ของเขาก็แบบจิตๆ กวนๆ ตามสไตล์เขาเลย เล่นเป็นธรรมชาติมากๆ สนุกดีครับเวลาเล่นด้วยกันเนี่ยมันทำให้ทำงานง่ายขึ้นไปอีก
มีฉากหลุดๆบ้างไหม อย่างหลุดขำเพราะกวนของเขา
หลุดๆ ก็มีครับ เล่นกับพี่อ๊อฟเนี่ย คือแบบด้วยความกวนของเขา เขาจะกวนแบบหน้าตายสไตล์เค้าเลย มันก็จะแบบขำบ้าง เพราะเคยดูแต่ในหนัง แต่พอมาเล่นกับพี่เขาด้วยตัวเองเนี่ยมันก็มีหลุดขำอยู่บ้างครับ
การร่วมงานกับผู้กำกับ “พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ”
กับพี่โขมผมก็เพิ่งมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่ความจริงผมก็เป็นแฟนหนังพี่โขมนะ ก็ติดตามหนังพี่โขมมาตลอด ตอนแรกที่รู้ว่าเป็นพี่โขมกำกับก็ดีใจเช่นกัน รู้สึกว่าพี่โขมเป็นผู้กำกับที่มีมุมมองค่อนข้างแปลกใหม่จากคนอื่น แล้วก็เป็นผู้กำกับที่เก่งด้วย ทำหนังแต่ละเรื่องก็โดนๆ ทั้งนั้น ตอนแรกเนี่ยที่ได้รับบทมา แล้วก็รู้ว่าเป็นพี่โขมกำกับเนี่ย ผมก็ลองอ่านดูซึ่งพาร์ทแรกๆ ของบทเนี่ยจะเป็นเกี่ยวกับพวกของขวัญแปลกๆ พวกนี้ ซึ่งผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย...มันออกจะการ์ตูนไปหรือเปล่า แต่ก็อยากรู้นะว่าจะถ่ายทอดออกมาเป็นหนังได้ยังไง แต่พออ่านผ่านครึ่งเรื่องไปเนี่ย ความหลอนประสาทความจิตหลุดของตัวธาดามันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มันมาจบตอนท้ายเรื่องซึ่งเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่องแล้วเนี่ยผมรู้สึกชอบมากเลย เป็นซีนที่เฉลยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดกับตัวละครตัวนี้ ผมว่าเป็นซีนที่ผู้ชมต้องชอบแน่ๆ ครับ
คือหนังมันจะมีลายเซ็นและมีกลิ่นอายของพี่เอกสิทธิ์ที่เขาเขียนการ์ตูนแนวจิตหลุดอยู่มากๆ เพราะพี่เขาเขียนบทเรื่องนี้ และยิ่งได้พี่โขมมากำกับด้วยนี่ยิ่งดูจิตๆ หลอนๆ เข้าไปใหญ่นะ ก็ดีใจที่ได้ทำงานกับผู้กำกับที่เก่งอีกคนหนึ่งของวงการครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับ
ความน่าสนใจโดยรวมของ “ร้านของขวัญฯ” และความน่าดูน่าติดตามของโปรเจ็คต์ “หลุด4หลุด” อยู่ที่ตรงไหนบ้าง
ก็เริ่มจากเรื่องของผมก่อนนะครับ เรื่อง “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด” นะครับ ผมก็อยากจะให้มาชมหนังอีกแนวหนึ่งซึ่งมันก็เป็นหนังแปลกๆ หนังแนวๆ ที่แบบสามารถเล่าเรื่องได้ภายในแบบครึ่งชั่วโมงแล้วทำให้คนลุ้นติดตามได้ตลอดว่าเฮ้ย...จะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไปอีก หนังจะเดินเรื่องไปทางไหน แล้วพอถึงซีนสุดท้ายแล้วเนี่ยเรื่องราวมันจะคลี่คลายไปยังไง แบบว่าใครเป็นตัวการของเรื่องนี้อะไรแบบนี้นะครับ ซึ่งผมว่าเป็นพล็อตเรื่องที่แหวกแนวดีครับ ก็เป็นอีกสไตล์การกำกับของพี่โขม แต่ก็ยังคงกลิ่นอายตลกร้ายของพี่เค้าอยู่ ถ้ามีร้านนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะฮิตติดตลาดแน่ๆ แต่มันก็ต้องมาพร้อมกับความโกลาหลเหมือนกันนะผมว่า
ส่วนโปรเจ็คต์รวมๆ ของ “หลุด4หลุด” เท่าที่ผมได้ยินมานะครับ ก็อยากให้ติดตามชมทั้ง 4 เรื่องเลยก็คือเรื่องนี้เนี่ยมันก็พูดถึงเรื่องหลุด ชื่อเรื่องบอกแล้วว่ามันหลุด แต่ก็จะหลุดในแต่ละมุมแต่ละเรื่องในแต่ละแนวทางของเรื่องอย่างเช่น “ฮูอากง” ของพี่มะเดี่ยวก็จะเป็นแนวแบบหลุดแบบขำๆ ส่วน “ร้านของขวัญฯ” ที่ผมเล่นก็จะแบบหลอนๆ เหวอๆ หน่อย ส่วน “คืนจิตหลุด” ของพี่จ่อย (อนันดา) ก็จะแบบดิบๆ หลอนๆ ส่วนเรื่อง “เกรียนล้างโลก” ที่อเล็กซ์เล่นเนี่ยผมได้ยินเรื่องการถ่ายทำมาว่ามันน่าสนใจมากๆ เพราะถ่ายแบบ Long Take ยาวรวดเดียวจบกันเลย มันคงออกมากวนๆ นะครับ ผมคิดว่าคนดูน่าจะชอบเรื่องนี้กันเพราะเป็นสี่เรื่องสี่รสที่ไม่ซ้ำกันเลยครับ
นิยามความ “จิตหลุด” ของบอยเป็นอย่างไร
“จิตหลุด” เหรอครับ มันก็พูดถึงความไม่ปกติของคนนะครับ ซึ่งมันไม่ปกติได้ตั้งหลายด้านครับ ไม่ว่าจะเป็นเหมือนคนบ้าจิตหลุด คนสติไม่สมบูรณ์ หรือว่าความจริงมันหลุดได้หมดครับ หลุดขำ หลุดรั่ว จากปกติที่เคยเป็นมา สุดท้ายแล้วก็อยากให้ทุกคนลองมาหลุดกับพวกเราดูครับ รับรองว่าออกมาแล้วสนุกแน่นอนครับ “หลุด4หลุด” 20 มกราคม 54 ครับ