กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--วีม คอมมิวนิเคชั่น
กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์แม่ทองสุก โชว์ยอดขายโกลด์ฟิวเจอร์มาเป็นอันดับ 1 ในจำนวน 5 โบรเกอร์ทองคำ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18 % เผยยอดซื้อขายทองคำแท่งปีที่ผ่านมามากกว่า 170 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 30% หลังวางยุทธศาสตร์หลักในการเป็นผู้นำเจ้าแรกที่พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ กว่า 20 ประเภท เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านระบบคอมพิวเตอร์และระบบบริการรูปแบบใหม่ อาทิ ระบบเอ็มทีเอสโกลด์ออนไลน์ , เอ็มทีเอส Academy, เอ็มทีเอสมิดไนท์เทรด เป็นต้น ส่งผลให้ฐานลูกค้าลูกค้าลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นถึง 2,000 ราย ล่าสุดย้ำแผนรุกธุรกิจ “เน้นสร้างรูปแบบบริการที่เหนือกว่าแข่งขันด้วยราคา” เพื่อรองรับการขยายบริการลงทุนทองคำแท่งแบบครบวงจร ตั้งเป้าซื้อขายทองแท่งรวมมากกว่า 200,000 ล้านบาท
น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา ในด้านธุรกิจการซื้อขายทองคำแท่งของกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก มีมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ รวมทั้งสิ้นมากกว่า 170 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 170,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ประมาณร้อยละ 30 ทั้งนี้เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่ง ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นอย่างมาก หลังจากที่ราคาทองคำทองคำในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับการลงทุนทองคำใหม่ๆ เพื่อรองรับการให้บริการที่สะดวกสบายกับนักลงทุนและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานลูกค้าทองคำแท่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 โดยปัจจุบันมีนักลงทุนสนใจใช้บริการลงทุนทองคำแท่งเป็นประจำ ราว 2,000 ราย
น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวเสริมว่า ด้านธุรกิจด้านการลงทุนซื้อขายสัญญาการลงทุนทองคำล่วงหน้าหรือ โกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่ดำเนินการผ่านบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด นั้นผลการดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทฯ มีมาร์เก็ตแชร์มาเป็นอันดับ 1 ในจำนวน 5 โบรกเกอร์ทองคำ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18 % ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตในการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในปี 2554 ไว้ประมาณ 20 — 25 % ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาปริมาณสัญญาการซื้อขายของตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สโดยรวมมีประมาณ 300,000 สัญญา เฉลี่ยการซื้อขายประมาณ 25,000 สัญญาต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 200 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในปีนี้ คาดว่าการลงทุนในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความรู้และความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการที่ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย มีการแบ่งประเภทสัญญาการลงทุนทองคำล่วงหน้าเป็น 2 ประเภท ทั้งมูลค่า 50 บาททองคำ และ 10 บาททองคำ
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้กลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นผลจาก กลยุทธ์สำคัญในการเป็นผู้นำเจ้าแรกด้านการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง กว่า 20 ประเภทบริการ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางธุรกิจลงทุนทองคำแบบครบวงจร อาทิ การเป็นเจ้าแรกที่ทำระบบชำระเพื่อซื้อขายทองคำผ่าน Payment Card โดยร่วมมือกับทางธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ ซึ่งได้รับความนิยมมากในขณะนี้ , การจัดตั้งสถาบันเรียนรู้ทองคำครบวงจร MTS Academy ที่เปิดสอนนักลงทุนให้มีความรู้ความเข้าใจก่อนเข้ามาซื้อขายในทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส ,รวมถึงระบบ MTS Midnight Trade ที่ทำให้ลูกค้าซื้อขายทองคำได้จนถึงเที่ยงคืน ที่ดำเนินการได้ผ่านระบบ Gold Phone, Gold Online, Gold Mobile หรือนวัตกรรมอื่นๆ ที่กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสแม่ทองสุกได้คิดค้นมาในวงการทองคำ เป็นต้น ซึ่งเกือบทุกบริการที่พัฒนาขึ้น สามารถตอบโจทย์และรองรับความต้องการของนักลงทุนทองคำในลักษณะต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย และลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
“กลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก พร้อมที่จะเดินหน้าในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งตอบรับกับหลักแนวคิดสำคัญที่เป็นวัฒนธรรมองค์กร 4 ประการ คือ การเป็นผู้นำในธุรกิจทองคำของประเทศไทย ประการที่สอง การเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องทองคำอย่างแท้จริง ประการที่สามการพัฒนานวัตกรรมการซื้อขายทองคำแบบครบวงจรอย่างแท้จริง และจริงใจและเอาใจใส่ลูกค้าเหมือนคนพิเศษ ซึ่งจะเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนารูปแบบบริการใหม่ๆ ที่จะมีนำเสนอกับลูกค้า อย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ โดยคาดว่าผลจากการพัฒนารูปแบบและบริการ รวมถึงตลาดการลงทุนมีการเติบโตอย่างคึกคักนั้น จะทำให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าซื้อขายจากการลงทุนทองคำแท่งโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านบาทในปีนี้ อย่างแน่นอน” นายณัฐพงศ์