กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--สวทช.
สวทช. จัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าพัฒนา “สูตรวัสดุขัดผิวเครื่องประดับ” ให้ หจก.ภูธรภักดี ผลิตผลิตภัณฑ์ยางขัดผิวเครื่องประดับคุณภาพดีราคาถูกป้อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับรายแรกๆของไทย เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าราคาแพงจากต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยสูตรใหม่นี้ ได้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน พัฒนาให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ลดการสึกหรอให้ช้าลง และสามารถปรับเปลี่ยนสูตรได้ตามความเหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ในขณะที่ราคาขายต่ำลงกว่า 20-30%
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างรายได้ในแต่ละปีหลายแสนล้านบาท จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการสร้างงานที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยในส่วนของการผลิตนั้นมีด้วยกันหลายขั้นตอน ตั้งแต่ การผลิตต้นแบบและแม่พิมพ์ , การขึ้นรูปโลหะ , การหล่อ ,การขัดและชุบ , การประกอบตัวเรือน , การฝังอัญมณี , การขัดผิวชิ้นงานขั้นสุดท้าย , การตรวจสอบคุณภาพและการบรรจุหีบห่อ
แต่ปัญหาหนึ่งของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่ประสบอยู่คือ การขาดแคลนวัตถุดิบทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ,การขาดแคลนเทคโนโลยีการผลิตของตนเอง ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศในราคาแพง เนื่องจากการผลิตเครื่องประดับต้องอาศัยอุปกรณ์หรือเครื่องมือบางอย่างที่ไม่มีผลิตในประเทศ รวมถึงเรื่องการทำวิจัยและพัฒนา ( R&D) และปัญหาการทำตลาดที่ต้องอาศัยนายหน้าเป็นหลัก
นาย กมล ภูธรภักดี ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดภูธรภักดี กล่าวว่า จากที่ครอบครัวได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตวัสดุขัดผิวเครื่องประดับซึ่งตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงปัจจุบัน และเพิ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลขึ้นประมาณ 2 ปี คือ เมื่อพ.ศ. 2547 โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ จะผลิตเฉพาะแปรงขัดจากขนสัตว์(ที่ทำจากขนวัว)ใช้สำหรับการขัดเงาตัวเรือนเครื่องประดับเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ขยายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับวัสดุขัดผิวเครื่องประดับเพิ่มขึ้นอีก คือ ลูกยางขัด (rubber wheel) ใช้ในการขัดเพื่อลบรอยต่างๆ บนตัวเรือน และมีแนวคิดที่จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การผลิตหินขัดหรือหินเจียร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิตเครื่องประดับ เนื่องจากมองว่าต่อไปการผลิตแปรงขัดเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายรองรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมมากขึ้น
แนวคิดที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกยางขัดขึ้นนั้น นาย กมล กล่าวว่า เนื่องจากลูกยางขัดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศในราคาที่ค่อนข้างแพงส่วนใหญ่สั่งจากประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีราคาเฉลี่ยชิ้นละ 5-6 บาท ส่วนที่นำเข้าจากญี่ปุ่น จะมีราคาเฉลี่ยชิ้นละกว่า 20 บาท และต่อไปจะต้องนำเข้าจากไต้หวันเพิ่มขึ้นอีก ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบข้อมูลว่ามีผู้ประกอบการรายใดผลิต ขณะที่ลูกยางขัดเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทางอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับหรือโรงงานผลิตมีปริมาณความต้องการใช้สูง และเป็นเครื่องมือสิ้นเปลืองมาก เพราะเครื่องประดับทุกชิ้นจะต้องผ่านการขัดเพื่อลบรอยต่างๆ บนตัวเรือน ซึ่งจะทำให้ลูกยางสึกเร็วและต้องเปลี่ยนบ่อย จึงคิดว่าหากผลิตเองจะทำให้ได้ต้นทุนการผลิตถูกลง แม้ว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตลูกยางจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่เชื่อว่าลูกยางที่ผลิตขึ้นเองในประเทศจะได้เปรียบกว่าสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศในเรื่องของค่าแรงงาน ทำให้มีราคาที่ถูกกว่า และคุณสมบัติของสินค้าที่สามารถพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า
สำหรับลูกยางขัดเครื่องประดับที่บริษัทพัฒนาขึ้นนี้ มีคุณสมบัติแตกต่างจากเดิมที่ใช้อยู่ทั่วไป คือ ได้รับการพัฒนาให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น หรือ เกิดการสึกหรอช้าลงจากเดิมประมาณ 10% และเกิดของเสียในการผลิตน้อย ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดิมแต่ประสิทธิภาพในการใช้งานยังคงเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม
ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ที่ปรึกษาเทคโนโลยี โครงการ iTAP (สวทช.) กล่าวว่า บริษัทฯ เข้ามาปรึกษาว่าต้องการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุขัดผิวเครื่องประดับ เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทางโครงการiTAP จึงได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวิทยาการและวิศวกรรมวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญ และมีงานวิจัยและพัฒนาทางด้านยาง และพีวีซี.อยู่แล้วเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับทางบริษัทฯ
หลังจากที่ได้นำตัวอย่างจากต่างประเทศไปทำการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และทดสอบหาคุณสมบัติของสารเคมีที่ใช้ นำมาปรับปรุงพัฒนาจนได้สูตรที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นเฉพาะที่ทางผู้เชี่ยวชาญคิดค้นขึ้นมาใหม่
นอกจากทำให้ลูกค้าได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคาถูกแล้ว การที่บริษัทเรียนรู้และเข้าใจวัตถุดิบและการผลิตอย่างถูกต้องยังมีข้อดีคือบริษัทจะสามารถพัฒนาสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนสูตรได้ ตามความต้องการของลูกค้า เช่น ความหยาบของผิวที่จะให้มากหรือน้อย หรือปรับให้ตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีหลากหลายเกรดให้เลือก นอกจากนี้ ในส่วนที่เป็นของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตก็มีค่อนข้างน้อย และเมื่อเปรียบเทียบในเรื่องของราคานั้น ยังถูกกว่าต่างประเทศ 20-30% ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังถูกกว่าต่างประเทศถึง 50%
ดร.นันทิยา กล่าวว่า “ แม้ หจก.ภูธรภักดี จะเพิ่งจัดตั้งขึ้นเป็นรูปนิติบุคคล แต่มีความคิดริเริ่มที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นเองทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ถือเป็นการมองเห็นช่องทางและมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน ทางโครงการฯ จึงให้การสนับสนุนเต็มที่ นอกจากการพัฒนาสูตรลูกยางขัดแล้ว ทางบริษัทฯ ยังมีความต้องการต่อยอดไปสู่การพัฒนาหินเจียรหรือหินขัดเพิ่ม เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ของทีมผู้เชี่ยวชาญ ”
นาย กมล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ ปัจจุบันวัสดุขัดผิวจากลูกยางดังกล่าว ได้พัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างทดลองตลาด โดยผ่านพ่อค้าคนกลางนำไปทดลองใช้ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่พอรู้ว่าเป็นของที่ทำขึ้นในประเทศ ก็เริ่มมีอคติและไม่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ ทำให้บริษัทฯ ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการตลาดใหม่ โดยจะจัดส่งเข้าสู่โรงงานผลิตโดยตรงไม่ผ่านบริษัทหรือพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างความเข้าใจและความน่าเชื่อถือของสินค้าได้มากขึ้น เพราะเมื่อขายตรงกับผู้ใช้จริงย่อมจะได้รับโอกาสมากขึ้น ทั้งเรื่องความเชื่อมั่นและราคาที่ถูกลงอีกเมื่อเทียบกับที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีความคิดที่จะขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้นไม่ต้องจำกัดอยู่เฉพาะอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ที่ต้องใช้วัสดุขัดผิวเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้มากยิ่งขึ้น
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net