กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย
ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ธนาคารไทยเครดิตเข้าลงทุนใน SICCO และเห็นชอบในหลักการโครงการรับโอนกิจการจาก SICCO
ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) แถลงความคืบหน้าในการขออนุญาตซื้อหุ้นและรับโอนกิจการจาก บริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) ตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้นระหว่างธนาคารไทยเครดิต และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมลงนามเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553
นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ธปท. ได้อนุญาตให้ธนาคารไทยเครดิตเข้าลงทุนใน SICCO และบริษัทที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) และเห็นชอบในหลักการต่อโครงการของธนาคารไทยเครดิตที่จะเข้ารับโอนกิจการจาก SICCO ตลอดจนแผนการดำเนินการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (One Presence) ที่ต้องคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ธนาคารไทยเครดิตเข้าเป็นผู้ถือหุ้นของ SICCO โดยให้ธนาคารไทยเครดิตและ SICCO เสนอโครงการแสดงรายละเอียดแผนการรับโอนกิจการเพื่อขอความเห็นชอบต่อ ธปท. ตามกฎหมาย ต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ธนาคารได้เข้าตรวจสอบกิจการครั้งที่ 2 ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2553 แล้วนั้น ธนาคารได้นำเสนอผลการตรวจสอบต่อธนาคารไทยพาณิชย์ ในเรื่องการพิสูจน์ความมีตัวตนของสินทรัพย์ที่มีผลบังคับทางกฎหมายได้ และความเสียหายหรือผลกระทบอื่นใดที่มีผลเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อ SICCO ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ปรับลดราคาลงได้ตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้พิจารณาไม่ปรับลดราคาเสนอซื้อลงไปจากราคาหุ้นละ 4 บาท ด้วยเรื่องผลการตรวจสอบดังกล่าว เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นทุกท่าน อันจะเป็นการเพิ่มโอกาสของความสำเร็จของการซื้อขายหุ้นนี้ ”
อนึ่งหากมีกรณีที่ SICCO มีมติจ่ายเงินปันผลไม่ว่ารูปแบบใดๆ โดยมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ก่อนหรือในวันที่ธนาคารไทยเครดิตรับโอนหุ้น ราคาซื้อหุ้นจะหักด้วยเงินปันผลดังกล่าว
นายมงคล กล่าวอย่างมั่นใจว่า การปรับโครงสร้างกิจการของ SICCO ครั้งนี้ ลูกค้าสินเชื่อ ลูกค้าเงินฝาก เจ้าหนี้ ตลอดจนพนักงาน ของ SICCO จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โดยธนาคารมีแผนดำเนินการให้ลูกค้าสินเชื่อ ลูกค้าเงินฝาก รวมทั้งเจ้าหนี้ต่างๆของ SICCO ได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น จากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และช่องทางบริการที่สะดวกมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ภายหลังการรวมกิจการจากการขยายฐานสินทรัพย์ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับศักยภาพในการเติบโต สามารถรองรับผลกระทบของการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากที่จะเกิดขึ้นในปี 2554-2555 ทำให้ผู้ฝากเงินเกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พนักงานจะได้รับการดูแลที่ดีอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดต่อลูกค้า รวมทั้งเป็นการสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงต่อระบบสถาบันการเงินโดยรวมตามวัตถุประสงค์ของทางการอีกด้วย
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0-2697-5454
www.tcrbank.com