กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--PRdd
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อีก 0.50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอย่างกระทันหันทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ หลังจากก่อนหน้านี้ทองคำได้ปรับตัวลดลงจากค่าเงินสกุลดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ โดยการปรับขึ้นสัดส่วนกันสำรองเงินฝากเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2552 เพื่อดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ภายหลังจากการปรับขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ของจีนในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามมาอีกครั้งในไม่ช้าเนื่องจากปัญหาอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่ต้องรีบเร่งแก้ไข ยิ่งกดดันให้เกิดความกังวลถึงการปรับตัวลงของราคาทองคำอย่างหนักที่จะเกิดขึ้นอีกรอบ
ในขณะที่ด้านยุโรปนั้น ความกังวลในปัญหาหนี้สาธารณะ จะเริ่มผ่อนคลายลงหลังจากที่การประมูลพันธบัตรของโปรตุเกส สเปน และอิตาลี ประสบความสำเร็จ ค่าเงินสกุลยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกันเงินสกุลดอลลาร์ ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดอีกทางหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามล่าสุดฟิทช์ เรทติ้ง ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของกรีซลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ หรือระดับขยะ (ระดับที่ไม่น่าลงทุน) พร้อมกับให้แนวโน้มเป็นลบทำให้การคาดการณ์ว่าปัญหาในยูโรโซนที่ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วอาจไม่ง่ายนักที่จะรีบตัดสิน ความไม่แน่นอนในยูโรโซนจะยังคงมีอยู่และจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันหรือกดดันราคาทองคำต่อไป ในขณะที่ด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนเชื่อถึงแนวโน้มในการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้อีกทาง
นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะยังคงมีความผันผวนเช่นเดียวกันกับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวของจีนที่จะเกิดขึ้นต่อไปและปัญหาในยูโรโซนก็ต้องติดตามเป็นระยะ นอกจากนี้ยังรวมถึงประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่มีความผันผวนไม่ต่างจากราคาทองคำมากนัก
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจี แนะนำนักลงทุนที่ได้ซื้อทองคำเอาไว้แล้วขณะที่ราคาย่อตัวก่อนหน้านี้ หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาบริเวณแนวต้าน1,376 -1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,880-20,010 บาท/บาททองคำ และไม่สามารถผ่านไปได้นักลงทุนอาจจะขายทองคำบางส่วนแล้วรอซื้อกลับบริเวณแนวรับ 1,330 -1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,210-19,500 บาท/บาททองคำ โดยยังคงให้แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณดังกล่าวซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญต่อการตัดสินใจเข้าซื้อทองคำของนักลงทุน หากระดับดังกล่าวไม่สามารถที่จะรองรับแรงขายได้แนะนำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อทองคำออกไปก่อนจนกว่าตลาดจะมีการปรับฐานอีกครั้ง เบื่องต้นประเมินแนวรับแนวต้านไว้ที่ 1,330-1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,210 -20,010 บาท/บาททองคำ