แสนสิริโชว์ผลงานสุดเด่น คาดรายรับและกำไรพุ่ง เล็งจ่ายปันผลงาม ดิวิเดนด์ยีลด์สูง 10% เหตุได้แรงหนุนกำไรเติบโต

ข่าวอสังหา Tuesday January 18, 2011 11:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--แสนสิริ แสนสิริโชว์ผลงานสุดเด่น คาดรายรับและกำไรพุ่งเล็งจ่ายปันผลงาม ดิวิเดนด์ยีลด์สูง 10% เหตุได้แรงหนุนกำไรเติบโตเผยแผนธุรกิจปี 54’ รุกต่อเนื่องอีก 23 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ลบ. กลุ่มบริษัทแสนสิริโชว์ผลการดำเนินงานปี 53 ทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าจะมีกำไรเติบโตตามยอดขายที่สูงกว่าปีก่อนถึง 20% โบรกเกอร์คาดการณ์หุ้นจ่ายปันผลงาม ดิวิเดนด์ยีลด์สูง 10% ขณะที่สรุปภาพรวมธุรกิจทั้งปีที่ผ่านมาลูกค้าให้ความไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดันยอดขายทะลุกว่า 27,000 ล้านบาท หลังจากที่มีการปรับเป้าหมายยอดขายเพิ่มใหม่ถึง 3 ครั้ง วางกลยุทธ์รุกต่อเนื่องแผนธุรกิจปี 2554 ขยายโปรเจกต์ใหม่ครบวงจรครอบคลุมทุกเซกเมนต์อีก 23 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท รวมแผนปี 2554 มีโปรเจกรองรับการขยายธุรกิจรวมถึง 80 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายปีเถาะ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งตุนยอดขายล่วงหน้า (Pre-sale Back Log) ในระบบแล้วกว่า 24,000 ล้านบาท รองรับรายได้ช่วง 1-3 ปี นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นั้น นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่กลุ่มบริษัทแสนสิริมีการขยายการลงทุนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัยและครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าตลอดทั้งปี รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งเป็นผลความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 7,900 ยูนิต จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้น 55 โครงการ คิดเป็นยอดขายกว่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนถึงกว่า 93% โดยคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือสูงกว่าปีก่อนถึง 20% นอกจากนี้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทแสนสิริมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้ในอีก 1 — 3 ปี ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับบริษัทเป็นอย่างดี อนึ่ง ที่ผ่านมาบริษัท หลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะมีรายได้รวมในปี 2553 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 18,900 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 1,720 ล้านบาท รวมทั้งอัตราเงินปันผลปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield สูง 10% ต่อปี และกำหนดมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของปีนี้ที่ 10.54 บาทต่อหุ้น หลังจากที่แสนสิริ สามารถสร้างรายได้และกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2553 รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย “ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทแสนสิริประสบความสำเร็จจากการขยายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตอบรับความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้าทุกระดับราคา อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม โครงการ Via49, โครงการ KEYNE by Sansiri และโครงการ PYNE by Sansiri โครงการคอนโดมิเนียมระดับบน — กลาง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Live with Attitude ทั้ง 3 ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ได้แก่ โครงการ WYNE สุขุมวิท, โครงการ TEAL สาทร-ตากสิน และโครงการ ONYX พหลโยธิน รวมทั้งโครงการคอนโดมิเนียมที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการ The Base สุขุมวิท77 และ dcondo ทั้ง 3 ทำเล ได้แก่ อ่อนนุช — สุวรรณภูมิ, รามคำแหงและรามอินทรา เป็นต้น นอกจากนี้ลูกค้ายังให้ความสนใจที่อยู่อาศัยในแนวราบ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ อาทิ โครงการเศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์ — แจ้งวัฒนะ, โครงการสราญสิริ พหลโยธิน — สายไหม และทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์ อเวนิวทั้ง 2 โครงการ พระราม 2 และศรีนครินทร์ เป็นต้น รวมถึงในปีที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ในรูปแบบ Shop House และ Home Office ภายใต้แบรนด์ B- AVENUE วัชรพลอีกด้วย ขณะที่บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจซื้อ ขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และทัช พร็อพเพอร์ตี้ ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก” นายเศรษฐา กล่าว สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2554 กลุ่มบริษัทแสนสิริยังคงใช้กลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจร โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ อย่างน้อย 23 โครงการ ในทำเลที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย มูลค่าโครงการขายประมาณ 30,000 ล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 11โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 17,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ประมาณ 4 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ต่อเนื่องจากปีก่อน กลุ่มบริษัทแสนสิริและบริษัทในเครือจะมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับการขายในปี 2554 อย่างน้อยถึง 80 โครงการ ส่วนประมาณการยอดขายรวมสำหรับปี 2554 ไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท “ขณะนี้สภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจและทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดังจะเห็นจากอัตราการเติบโตของจีดีพีที่สูงขึ้นติดต่อกันในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้คาดว่าน่าจะเห็นอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ประมาณ 4 - 5% นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาทิ การส่งออก การท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ยซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่หากมีการเลือกตั้งใหม่คาดว่าจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงหรือคงที่ ขณะที่ทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ 90% อยู่ในทิศทางที่ดีหากเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปหรืออเมริกา นอกจากนี้มองว่า สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยเปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นตลาดของรายใหญ่ ที่มีการแข่งขันกันในทิศทางที่ชัดเจน คือ มีคู่แข่งที่ชัดเจน มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และจุดเด่นที่แต่ละบริษัทมีแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ในส่วนของแสนสิรินั้นในปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการเน้นให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบโซเชียลมีเดียมากขึ้น รวมทั้งการจัดกิจกรรมร่วมกับลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง” นายเศรษฐา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ