สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำปี 2553 และเดือนธันวาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 18, 2011 16:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--ตลท. ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯของไทยในปี 2553 ปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2552 ทั้งด้านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,032.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.60% จากสิ้นปี 2552 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดการซื้อขาย โดยมีมูลค่า 8,568,395 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2553 ยังมีสถิติสูงสุดทั้งในด้านมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันใน SET และ mai อยู่ที่ 29,065.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.47% จากปี 2552 สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตต่อมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 24.56% รวมทั้งปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันของตลาดอนุพันธ์ที่ 18,676 สัญญา ในปี 2553 ปริมาณธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก แม้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากปัญหาการชุมนุมทางการเมือง แต่ด้วยความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในประเทศและเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยและตลาดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,032.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.60% จากสิ้นปี 2552 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชีย เป็นรองเฉพาะอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้น 46.13% นอกจากนี้ดัชนีหลักทรัพย์รายอุตสาหกรรม ณ สิ้นปี 2553 ปรับเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์และกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (Forward P/E Ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.55 เท่า สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ mai ณ สิ้นปี 2553 ปิดที่ระดับ 272.79 จุด เพิ่มขึ้น 26.70% จากสิ้นปี 2552 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดการซื้อขาย เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 โดยมีมูลค่า 8,568,395 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2553 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET อยู่ที่ 8,334,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.91% จากสิ้นปี 2552 ขณะที่ของ mai อยู่ที่ 55,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.88% จากสิ้นปี 2552 ทำให้สัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นเป็น 86.48% จาก 65.40% ณ สิ้นปี 2552 ในปี 2553 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันใน SET และ mai อยู่ที่ 29,065.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.47% จากปี 2552 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์เปิดการซื้อขาย โดยผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 81,414.66 ล้านบาท ด้านช่องทางการซื้อขาย ผู้ลงทุนให้ความสนใจซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตต่อมูลค่าการซื้อขายรวมในปี 2553 อยู่ที่ 24.56% ด้านตลาดอนุพันธ์ มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน 18,676 สัญญาในปี 2553 ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ตลาดอนุพันธ์เปิดการซื้อขาย สำหรับในช่วงปี 2549 - 2553 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันมีอัตราการเติบโต (Compound Annual Growth Rate: CAGR) สูงถึง 98.46% การระดมทุนในรูปตราสารทุนในปี 2553 มีมูลค่ารวม 90,355.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.82% จากปี 2552 โดยเป็นการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) มูลค่าระดมทุนรวม 11,608 ล้านบาท แยกเป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่จำนวน 11 บริษัทหากรวมบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการเข้าจดทะเบียนทางอ้อม จะเท่ากับ 12 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 4 กองทุน ลดลงจากปี 2552 ที่มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่จำนวน 17 บริษัทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 5 กองทุน อย่างไรก็ตาม มูลค่าการระดมทุนในตลาดแรกปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 และช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ได้เท่ากับ 97,912 ล้านบาท ส่วนการระดมทุนในตลาดรองของทั้ง SET และ mai มีมูลค่ารวม 77,768.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243% จากปี 2552 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการระดมทุนสูงสุด คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง ในปี 2553 มีบริษัทจดทะเบียนที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 390 บริษัทคิดเป็น 76% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด โดยหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET51-100 ให้ผลตอบแทนส่วนต่างราคาหุ้น (Capital gain) เฉลี่ย 78% ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น นอกจากนี้ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นยังทำให้จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่า 1 เท่า (P/BV < 1 เท่า) ณ สิ้นปี 2553 เหลือเพียง 189 บริษัทจาก 258 บริษัท ณ สิ้นปี 2552 สำหรับในเดือนธันวาคม 2553 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันของ SET และ mai ลดลง 23.99% จากเดือนก่อน เช่นเดียวกับตลาดอนุพันธ์ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันลดลง 14.70% จากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น 2.75% จากเดือนก่อน ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ