กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่
นายอาทร ช่วยณรงค์ ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มีความจำเป็นต้องขอปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละ 10 สตางค์ หรือในราคาฟองละ 2.70 บาท เนื่องจากขณะนี้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ในท้องตลาดมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
“จากภาวะความแปรปรวนของสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลต่อภูมิต้านทานในตัวไก่ ทำให้ไก่เกิดอาการป่วย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่จึงประสบปัญหาแม่ไก่ไม่ออกไข่ ปริมาณผลผลิตไข่ไก่จึงออกสู่ตลาดน้อย และกระทบโดยตรงต่อราคาไข่ไก่ตามหลักอุปสงค์อุปทาน ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ก็สูงขึ้นมากจากความเสียหายของผลผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลก ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพดที่มีราคาสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 9.50 บาท หรือ กากถั่วเหลืองที่สูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 13.80 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบภาวะขาดทุน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขอความเห็นใจจากผู้บริโภคและรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเพียงฟองละ 10 สตางค์” นายอาทรกล่าว
ด้าน นายบุญยง ศรีไตรราศี ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ. ชลบุรี เปิดเผยว่า ปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ไก่ไข่ที่เลี้ยงให้ผลผลิตไข่ไก่น้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลน แม้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้พยายามยืดอายุแม่ไก่ยืนกรงออกไปเพื่อรักษาปริมาณผลผลิตไก่ไข่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ โดยฟาร์มไก่ไข่ส่วนใหญ่มีผลผลิตลดลงเฉลี่ยวันละ 20-30 % ซึ่งกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยที่มีกว่า 80 % และจากการที่แม่ไก่ไข่ให้ผลผลิตที่ลดลง ทำให้ผู้เลี้ยงต้องมีต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้น เพราะแม่ไก่ยังคงกินอาหารตามปกติแต่ไม่ออกไข่
ปัจจุบัน ปริมาณแม่ไก่ไข่ยืนกรงทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 35-36 ล้านตัว ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 20% มีผลให้ปริมาณไข่ไก่ทั่วประเทศในขณะนี้อยู่ที่ 25-26 ล้านฟองต่อวัน จาก 28-30 ล้านฟองต่อวัน