ธนาคารทหารไทย มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำกำไรสุทธิ 3,202 ล้านบาท สำหรับปี 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 19, 2011 10:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธนาคารทหารไทย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลกำไรสุทธิ 3,202 ล้านบาท สำหรับปี 2553 หรือ เพิ่มขึ้น 64.6% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยเป็นผลเนื่องมาจากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยของธุรกิจหลัก ตลอดจนการลดลงของค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย และการตั้งสำรอง ทั้งนี้ ธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Margin — NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.31% จาก 2.26% ในปี 2552 สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 822 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 39.3% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 590 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4/2552 และเพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 726 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2553 ในปี 2553 สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารลดลงอย่างมาก โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพสำหรับงบการเงินรวม ณ สิ้นปี 2553 ลดลง 18,048 ล้านบาท (หรือ 33.4%) เหลือ 36,047 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การลดลงของสินเชื่อด้อยคุณภาพนี้ เป็นผลเนื่องมาจากการจำหน่ายสินเชื่อด้อยคุณภาพออกไป 9,300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2553 และการปรับโครงสร้างสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างปี ซึ่งการลดลงของสินเชื่อด้อยคุณภาพดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายที่จะลดสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพให้เป็นตัวเลขหลักเดียวภายในสิ้นปี 2553 ซึ่งธนาคารก็ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสำหรับงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 อยู่ที่ 8.3% และสำหรับงบการเงินเฉพาะธนาคาร อยู่ที่ 7.7% ส่วนสินทรัพย์รอการขายลดลง 4,696 ล้านบาท หรือ 42.2% จากปี 2552 เงินให้สินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ 363,177 ล้านบาท หรือ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 ทั้งนี้ ปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ลดลงได้ถูกทดแทนด้วยการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพ โดยสินเชื่อคุณภาพสำหรับงบการเงินเฉพาะธนาคาร เพิ่มขึ้น 11,821 ล้านบาท หรือ 3.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 และหากไม่รวมผลของการทำข้อตกลงการสิ้นสุดสัญญาโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ที่ทำให้สินเชื่อคุณภาพลดลงประมาณ 3,900 ล้านบาทแล้ว อัตราการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพของธนาคารจะอยู่ที่ระดับ 5% ทั้งนี้ สินเชื่อคุณภาพที่เพิ่มขึ้น กระจายอยู่ในทุกกลุ่มลูกค้า โดยสินเชื่อคุณภาพของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 3.4% สินเชื่อ SME เพิ่มขึ้น 5.4% และสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 2.6% ในรอบปี 2553 ธนาคารมีสภาพคล่องที่ดี โดยมีเงินให้กู้ยืมระหว่างธนาคารและเงินลงทุนระยะสั้นคิดเป็น 26.1% ของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ และสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ในระดับที่ดี ที่ 87.9% ซึ่งถ้าหากคำนวณโดยรวมเงินกู้ยืมระยะสั้น สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากจะอยู่เท่ากับ 82.7% นอกจากนี้ สถานะเงินทุนของธนาคารมีความแข็งแกร่งด้วยระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Radio — CAR) ที่ 16.6% ซึ่งในจำนวนนี้ 11.4% เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ทั้งนี้ ระดับความเพียงพอของเงินกองทุนดังกล่าว สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 8.5% สำหรับ CAR และ 4.25% สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1 นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB กล่าวถึงผลประกอบการของธนาคารและบริษัทย่อยในปี 2553 ว่า “ผลประกอบการและสถานะทางการเงินของธนาคารนี้ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากโครงการพัฒนาธนาคาร และการดำเนินตามแผนกลยุทธ์ที่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และรากฐานแข็งแกร่งนี้จะส่งผลดี ทำให้ธนาคารสามารถมุ่งเน้นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ