กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ibank) เปิดเผยผลการดำเนินงานของธนาคาร ปี 2553 ฉบับก่อนสอบทาน ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 845 ล้านบาท จากปี 2552 ซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 355 ล้านบาท รายได้รวม อยู่ที่ 4,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,751.66 ล้านบาท ขณะที่ยอดเงินฝาก อยู่ที่ 86,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45,469 ล้านบาท จากปี 2552 ที่มียอดเงินฝากอยู่ที่ 40,759 ล้านบาท ทำให้ในปี 2553 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 98,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ซึ่งมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 45,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53,016 ล้านบาท
ในปี 2553 ธนาคารได้รับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่มุ่งสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยการขยายสาขาและช่องทางการให้บริการเพิ่ม รวมถึงธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สำหรับรายย่อยโดยการให้สินเชื่อสวัสดิการพนักงานและผลิตภัณฑ์ต่างๆให้ครอบคลุมถึงความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และโครงการสินเชื่อรากหญ้า หรือ Islamic Microfinanc ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่มีฐานะยากไร้ที่เป็นคนดี มีโอกาสเข้าสู่ระบบการเงินปกติ และยกระดับชุมชน ให้เข้าถึงแหล่งทุน
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 2554 นายธีรศักดิ์กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ พันธกิจของธนาคาร โดยมุ่งสู่ความเป็นเลิศในระดับภูมิภาคเอเชีย ด้วยความเป็นเลิศในการให้บริการที่ถูกต้อง รวดเร็ว และประทับใจ มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยธนาคารจะเน้นขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าว่าใน 2 ปีข้างหน้า สัดส่วนลูกค้าของธนาคารจะเป็นกลุ่มบุคคลและรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของลูกค้าทั้งหมด และสัดส่วนลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ให้เหลือเพียง 40% ของลูกค้าทั้งหมด
นอกจากนี้ iBank ยังได้เพิ่มยุทธศาสตร์ในการคืนคุณค่าสู่สังคม โดยเน้นการพัฒนาสังคมและชุมชน ทั้งจากโครงการภายใต้นโยบายของภาครัฐที่มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับ และโครงการต่าง ๆ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อสนับสนุนธุรกรรมทางการเงินแก่ประชาชน พร้อมทั้งยกระดับการจัดการด้านการเงินและการลงทุน สำหรับผู้ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงระบบบริการทางการเงินให้มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพมากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของโครงการภาครัฐเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน ตามมติคณะรัฐมนตรี ธนาคารคาดว่าจะดำเนินการ 3 โครงการ วงเงินสินเชื่อรวม 5,200 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.สินเชื่อเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.สินเชื่อเพี่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Soft Loan) และ3.โครงการเป็นผู้บริหารและผู้จัดการเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)
อย่างไรก็ดี ธนาคารยังมีโครงการเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนของธนาคาร อีก 2 โครงการ วงเงิน 3,050 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน — กรุงเทพฯ รวม 50 เขต และ2.โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน — ภาคใต้
โดยในปี 2554 ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์รวมไว้ที่ 131,316 ล้านบาท มียอดเงินฝาก 117,957 ล้านบาท มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 112,957 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 841 ล้านบ าท นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่ง ณ สิ้นปี 2553 ธนาคารมีสาขา 54 สาขา แบ่งเป็นสาขาในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา สาขาในภาคกลางและภาคตะวันออก 23 สาขา และสาขาในภาคใต้ 21 สาขา และจะเปิดเพิ่มอีก 25 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารจะมีสาขาทั้งหมด 79 สาขา
“ibank ยังคงเน้นการให้บริการลูกค้าด้วยความเป็นมิตร และรวดเร็ว อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำระบบที่มีความทันสมัยซึ่งได้รับการพัฒนาจากปีที่ผ่านมา เพื่อเอื้อต่อการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้นด้วย อาทิ ระบบการอำนวยสินเชื่อ ระบบ Core Banking ที่เชื่อมต่อกับระบบสนับสนุนต่างๆ อีกทั้งยังมีแผนที่จะเปิดศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ขณะที่ทางด้านผลิตภัณฑ์ ibank จะมีการเปิดตัวบัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจ พร้อมทั้งดำเนินแผนงานอย่างมีคุณธรรม โดยเรามีความยินดีให้ความช่วยเหลือด้านการปล่อยสินเชื่อแก่พี่น้องที่ยากจนที่เป็นคนดี พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของธนาคารให้มีความหลากหลายตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด” นายธีรศักดิ์กล่าว
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง ให้บริการลูกค้าทุกศาสนา สำหรับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์สินเชื่อและเงินฝากของธนาคาร สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ibank.co.th และโทร. 0-2650-6999 หรือสาขาของธนาคารทั่วประเทศ ธนาคารของคุณ ...อุ่นใจเมื่อใช้ ibank