กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--ไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มเตรียมลดเซิร์ฟเวอร์ 3,900 เครื่องให้เหลือเพียงเมนเฟรม 30 เครื่อง พร้อมย้ายไปสู่ระบบลีนุกซ์ ตั้งเป้าลดการใช้พลังงาน 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 5 ปี
ปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพิ่มความยืดหยุ่นของธุรกิจตาม โครงการ PROJECT BIG GREEN
ไอบีเอ็มประกาศแผยการผนวกรวมคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ราว 3,900 เครื่องไว้บนเมนเฟรม System z ราว 30 เครื่องที่รันระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ (Linux) ตามโครงการปรับเปลี่ยนดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์แบบใหม่นี้จะใช้พลังงานน้อยกว่าระบบที่มีอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนระบบได้อย่างมากในช่วงเวลา 5 ปี
ขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนดังกล่าว จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีของไอบีเอ็มมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรองรับสภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โครงการปรับเปลี่ยนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Project Big Green ซึ่งไอบีเอ็มได้เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ของไอบีเอ็มและลูกค้า
ด้วยพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 8,000,000 ตารางฟุต (เท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 139 สนาม) ไอบีเอ็มต้องบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดในโลก โดยดาต้าเซ็นเตอร์หลักๆ อยู่ในนิวยอร์ก, คอนเนคติกัต, โคโลราโด, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ไอบีเอ็มคาดว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ที่ครอบคลุมทั่วโลกนี้จะรองรับผู้ใช้ได้กว่า 350,000 ราย และจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่องของไอบีเอ็มในการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ที่ก้าวล้ำสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 เป็นต้นมา ไอบีเอ็มได้ผนวกรวมดาต้าเซ็นเตอร์สำคัญๆ ทั่วโลกจาก 155 แห่ง จนเหลือเพียง 7 แห่ง
มาร์ค เฮนเนสซี่ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของไอบีเอ็ม กล่าว ว่า “ไอบีเอ็มดำเนินการประเมินอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงการใช้งานระบบที่รองรับพนักงานและลูกค้าของเรา การผนวกรวมระบบต่างๆ ทั่วโลกนับเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มในการผลักดันการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานและเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงการประหยัดค่าใช้จ่าย”
เจมส์ สตอลลิงส์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเมนเฟรม IBM System z กล่าวว่า “ระบบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมนับเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากที่สุดสำหรับการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์พลังงานภายในดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนย้ายไปสู่แพลตฟอร์มเมนเฟรมทั่วโลก ไอบีเอ็มกำลังสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน และปรับเปลี่ยนทรัพยากรไอทีของเราให้มีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นและรองรับการขยายตัวได้อย่างเหมาะสม”
ไอบีเอ็มมีแผนที่จะรีไซเคิลเซิร์ฟเวอร์ 3,900 เครื่องผ่านทางหน่วยงาน IBM Global Asset Recovery Services
วิธีดำเนินการ
โครงการผนวกรวมนี้จะใช้ประโยชน์จากความสามารถของเมนเฟรมหนึ่งเครื่องในการทำงานได้เหมือนกับเซิร์ฟเวอร์หลายร้อยหรือหลายพันเครื่อง ความสามารถดังกล่าว ซึ่งเรียกว่าเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) เป็นเทคโนโลยีที่ไอบีเอ็มนำมาใช้เป็นครั้งแรกบนเครื่องเมนเฟรมเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว โดยทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรระบบของเมนเฟรม เช่น ส่วนประมวลผล ระบบเครือข่าย สตอเรจ และหน่วยความจำ ให้แก่เซิร์ฟเวอร์แบบ “เสมือนจริง” (Virtual) หลายๆ เครื่อง เซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงแต่ละเครื่องจะทำหน้าที่เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบฟิสิคัล ระบบที่ถูกโยกย้ายจะใช้เพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของเมนเฟรมแต่ละเครื่อง ซึ่งทำให้เหลือพื้นที่ว่างจำนวนมากสำหรับการขยายตัวในอนาคต
ด้วยการเปลี่ยนจากเซิร์ฟเวอร์แบบฟิสิคัลไปใช้เซิร์ฟเวอร์แบบเวอร์ช่วล ไอบีเอ็มจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในหลายๆ ด้าน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ:
ท การใช้พลังงาน เครื่องเมนเฟรม 30 เครื่อง จะแทนที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ 3,900 เครื่องที่มีเพาเวอร์ซัพพลายสำหรับแต่ละเครื่อง โดยไอบีเอ็มคาดว่าจะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ในระดับที่เท่ากับการใช้ไฟฟ้าในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง
ซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะคิดราคาตามจำนวนโพรเซสเซอร์ ไอบีเอ็มคาดว่าจะช่วยลดค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ได้ เพราะเมนเฟรมรุ่นใหม่ของไอบีเอ็มมีจำนวนโพรเซสเซอร์น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ 3,900 เครื่องที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การสนับสนุนระบบ โครงการนี้คาดว่าจะช่วยลดภาระให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของไอบีเอ็มสำหรับงานบริหารระบบ และช่วยให้บุคลากรเหล่านี้มีเวลามากขึ้นในการทำงานในโครงการที่มีประโยชน์มากกว่า รวมถึงการออกแบบและพัฒนาโซลูชั่นสำหรับลูกค้า
ความสามารถของระบบเมนเฟรมของไอบีเอ็มในการรันระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ นับเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโครงการผนวกรวมเซิร์ฟเวอร์ เพราะจะรองรับแอปพลิเคชั่นได้หลากหลาย
ดาต้าเซ็นเตอร์ของไอบีเอ็มในเมืองพูคีปซี รัฐนิวยอร์ก, เมืองเซาธ์เบอรี่ รัฐคอนเนคติกัต, เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด, เมืองพอร์ตสมัธ ประเทศสหราชอาณาจักร, เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จะเข้าร่วมในโครงการนี้ ไอบีเอ็มได้จัดตั้งทีมงานระดับโลกเพื่อดำเนินการโยกย้าย ทดสอบ และติดตั้งแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น กระบวนการ, พอร์ทัล และแอปพลิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์ของ WebSphere? รวมทั้งแอปพลิเคชั่นของ SAP และ DB2?
ความเชี่ยวชาญในการผนวกรวมระบบของไอบีเอ็มนำเสนอผ่านกลุ่มธุรกิจบริการทางด้านเทคโนโลยีของไอบีเอ็ม (IBM Global Technology Services) ลูกค้าที่สนใจจะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของไอบีเอ็มสามารถเยี่ยมชม
http://www-03.ibm.com/systems/optimizeit/cost_efficiency//energy_efficiency/services.html
หน่วยงาน IBM Global Asset Recovery Services
ภายใต้ความพยายามในการปกป้องสิ่งแวดล้อม หน่วยงาน IBM Global Asset Recovery Services ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการปรับปรุงและรีไซเคิลของไอบีเอ็ม จะดำเนินการกำจัดเซิร์ฟเวอร์ 3,900 เครื่องอย่างเหมาะสม โดยเซิร์ฟเวอร์ที่ยังใหม่อยู่จะได้รับการปรับปรุงซ่อมแซ่มและนำไปขายต่อโดยผ่านทางทีมงานฝ่ายขายของไอบีเอ็มและเครือข่ายคู่ค้า ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์เครื่องเก่าจะถูกนำมาถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อนำไปใช้ต่อ หรือขายเป็นเศษวัสดุเหลือใช้ ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการกำจัด เครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกลบข้อมูลออกจนหมด และเศษวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้การไม่ได้แล้วจะถูกนำไปกำจัดทิ้งอย่างเหมาะสมตามกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นผลมาจากทักษะและประสบการณ์ที่ไอบีเอ็มสั่งสมมานานกว่า 20 ปีในเรื่องของการกำจัดวัสดุอุปกรณ์ไอที
โครงการ Project Big Green
Project Big Green ครอบคลุมซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการประหยัดพลังงานจากไอบีเอ็มและคู่ค้าของไอบีเอ็ม (ดูข่าวประชาสัมพันธ์: “ไอบีเอ็มร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน แนะธุรกิจไทยสร้าง กรีน ดาต้าเซ็นเตอร์” ที่ www.ibm.com/press/greendatacenter)
ติดต่อ : ชูจิตต์ วัฒนล้ำเลิศ แผนกประชาสัมพันธ์ โทร. 022734306 email: chijit@th.ibm.com