กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 19,550 - 19,650
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,348
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.55 — 30.58
- GFG11 Hi- Low 19,970— 19,900 ปิดที่ 19,920
Gold Insight
สัญญาทองคำตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 23.7 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 1,346.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,342.40-1,370.90 ดอลลาร์หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงอย่างมาก ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ปิดลบ 2.49 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 11,822.80 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.66 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,280.26 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 21.07 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 2,704.29 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลว่าจีนอาจจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อของจีนขยายตัวยังคงขยายตัวร้อนแรง โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงแม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลง และยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค.ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 88.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 88.00 - 90.86 ดอลลาร์หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าอุปทานพลังงานในสหรัฐยังมีอยู่สูงมากแม้มีการปิดท่อส่งน้ำมันในรัฐอะแลสกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบโดยไม่ให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 21 มกราคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,251.43 ตัน
USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ร่วงลงอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สกุลเงินยูโรขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.04% แตะที่ 1.3471 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3466 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ1.3469 ดอลลาร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.990 เยน จากระดับของวันพุธที่ 82.060 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.06 ต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.53-30.57บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนักค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.62-30.65 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.ปี 2553 พุ่งขึ้น 12.3% แตะที่ 5.28 หลังต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 อย่างไรก็ตาม NAR ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.ปี 2553 ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ายอดขายบ้านมือสองของเดือนธ.ค.ปี 2552 ที่ระดับ 5.44 ล้านหลังต่อปี นอกจากนี้ ราคากลางของบ้านมือสองเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 168,800 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับของเดือนธ.ค.ปี 2552 อยู่ประมาณ 1.0% ลอว์เรนซ์ ยุน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ NAR กล่าวว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดขายบ้านมือสองเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้นในปี 2554
- มีกระแสความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางการจีนระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน ขยายตัว 10.3% ในปี 2553 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปี 2553 ขยายตัว 3.3%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ม.ค. ร่วงลง 37,000 ราย แตะระดับ 404,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 เดือนก.พ.
- คณะกรรมการยุโรปกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดทางให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เข้าซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลในประเทศยุโรปที่กำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะ
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 ม.ค. พุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 335.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง
20 -21มกราคม 2554
วันพฤหัสบดี ? Unemployment Claims 445K 422K 404K
? Existing Home Sales 4.68M 4.88M 5.28M
? Philly Fed Manufacturing Index 20.8 20.7 19.3
? Crude Oil Inventories -2.2M -1.1M 2.6M